ในเวลานี้สื่อในไทยเล่นข่าวตาม "เสียงลือเสียงเล่าอ้าง" จากเวียดนามที่ "ลือ" กันว่าจะมีการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเมืองห่าเตียนที่ปลายแหลมญวนกับเกาะฟูก๊วกที่เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของเวียดนามที่ล้ำเข้าในไปน่านน้ำกัมพูชา
เกาะฟูก๊วกนั้นกัมพูชาก็อยากจะได้มาเป็นของตนเหมือนเกาะกูดของไทย ถึงขนาดมีชื่อเกาะเป็นของตัวเองว่าเกาะตราล (ส่วนเกาะกูดเขมรเรียกเพี้ยนๆ ว่า เกาะกจ) และกัมพูชานั้นแสนจะเจ็บใจที่ฝรั่งเศสเจ้านายเก่ายกเกาะนี้ให้เป็นของเวียดนามในสมัยอาณานิคม แต่เมื่อได้รับเอกราชแล้วก็ไม่อาจจะทวงคืนได้อย่างโจ่งแจ้ง เพราะกลัวเวียดนามจะตอบโต้แรงๆ
กัมพูชากับเวียดนามมีความสัมพันธ์ที่อิหลักอิเหลื่อคล้ายไทยกับกัมพูชา นั่นคือเวลาลำบากก็จะไปอ้อนวอนขอให้ญวนช่วย แต่พอช่วยให้พ้นลำบากแล้วก็เกลียดญวน เช่นกัน พอเขมรตีกันเองก็มาขอให้ไทยช่วย พอไทยช่วยแล้วก็กลับรังเกลียดพวกเสียม
กัมพูชาในยุคของฮุน เซนก็เช่นกัน พอเขมรแดงด้วยกันตีกันเอง เขมรแดงกลุ่มของฮุน เซนก็ไปขอให้เวียดนามมาช่วย พอช่วยแล้วเวียดนามยึดครองเขมรนับสิบปี แม้จะถอนกำลังออกไปในที่สุดและตั้งรัฐบาลอธิปไตยขึ้นมาได้ แต่ฮุน เซนยังถูกมองว่าเป็น "เด็กในอาณัติญวน" มานับแต่นั้น แม้กระทั่งตอนนี้ พวกฝ่ายค้านเขมรก็ยังด่าฮุน เซนว่าเป็นลิ่วล้อของญวน (เขมรนั้นเรียกเวียดนามว่าญวน/ยวนเหมือนไทย)
จนกระทั่งในช่วงไม่ถึง 20 ปีมานี้ฮุน เซนจึงโอ้โลมปฏิโลมกับจีนโดยเชื้อเชิญจีนมาลงทุนและตนเองก็เริ่มเป็นมิตรกับจีนมากขึ้นในทางการเมือง ในแง่หนึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการดึงจีนเข้ามาถ่วงดุลเวียดนามด้วย เพื่อที่ฮุน เซนจะได้ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างเวียดตลอดกาล
ในแง่ "ภูมิ" รัฐศาสตร์ มีเรื่องปัญหาหนึ่งที่กัมพูชาและจีนต้องสะสางร่วมกัน นั่นคือการใช้แม่น้ำโขงโดยไม่ต้องพึ่งพาปากแม่น้ำโขงที่ไหลออกทางเวียดนาม
แต่เดิมนั้นเส้นทางขนส่งออกทะเลของกัมพูชามีท่าเรือเมืองพระสีหนุแห่งเดียวเป็นหลักเชื่อมโดยทางหลวงกังพนมเปญ ซึ่งในแง่โลจิสติกแล้วไม่เพียงพออย่างมาก (โปรดทราบว่าแต่เดิมนั้นจีนก็ช่วยพัฒนาท่าเรือแห่งนี้ในยุคเขมรแดง)
การขนส่งทางเรือจากแม่น้ำโขงออกที่ปากแม่น้ำเก้ามังกรของเวียดนามเป็นทางสะดวกกว่า แต่เพราะมันต้องพึ่งพาเจ้าถิ่นจึงทำให้กัมพูชาไม่ค่อยจะสะดวกใจ ส่วนจีนนั้นก็ต้องการทางน้ำที่ไม่ต้องพึ่งพาเวียดนามเช่นกัน เผื่อเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับเวียดนามจะได้มีทางออกเอาไว้รองรับ
นี่คือที่มาของโครงการคลองฟูนันเตโช ซึ่งจะขุดลัดจากแม้น้ำโขงส่วนที่อยู่กัมพูชาไปออกที่ชายทะเลริมอ่าวไทยใกล้ๆ กับเกาะฟูก๊วกของเวียดนาม
ในช่วงแรกที่มีข่าวของโครงการนี้ ความเห็นสาธารณะในเวียดนามแสดงความกังวลพอสมควร ยิ่งทางเขมรคุยโวว่าคลองฟูนันจะทำให้เขมรเป็นเอกราชด้านโลจิสติกจากเวียดนามแล้ว ยิ่งทำให้เวียดนามไม่พอใจกับท่าทีนี้
ยังไม่นับความระแวงว่าจีนจะใช้คลองนี้เป็นเส้นทางในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะกระทบต่อความมั่นคงของเวียดนามโดยตรง
คนไทยเราก็ทราบความกังวลของเวียดนาม แต่เนื่องจากไทยก็มีเหตุกระทบกระทั่งกับกัมพูชาอยู่แล้ว จึงไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องนี้มากนัก
จนกระทั่งมีข่าวจากเวียดนามเมื่อเร็วๆ นี้ว่า อาจจะมีการสร้างสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนกับเกาะฝูก๊วก จากนั้นก็มีความเห็นสาธารณะบางส่วนจากเวียดนามที่เชื่อว่า โครงการนี้คือการตอบโต้คลองฟูนันของกัมพูชา เพื่อที่จะใช้สะพานนี้ขวางเส้นทางเข้าออกของคลองฟูนันที่ต้องผ่านช่องน้ำระหว่างฟ่าเตียนและฝูก๊วก
คนไทยที่รับข้อมูลจากเวียดนามก็พากันดีอกดีใจไปด้วย เพราะตนเองก็ต้องการจะเห็นความล้มเหลวของกัมพูชาอยู่แล้ว
แต่ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่าไทยกับเวียดนามมีผลประโยชน์ที่ต่างกันเรื่องกัมพูชา แม้ "คนเวียดนาม" จะต้องการเห็นกัมพูชาทุกข์ทรมาน แต่ "รัฐบาลเวียดนาม" ไม่ได้เห็นแบบนั้น
และก่อนอื่นเราต้องมาดูรายงานข่าวจากเวียดนามกันก่อนว่าเขาเสนอเรื่องนี้อย่างไร
ผมพบว่าไม่มีสื่อหลักของเวียดนามรายงานข่าวโครงการสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนกับเกาะฝูก๊วก แต่พบว่ามี "สื่ออิสระ" ของเวียดนามหรือพูดง่ายๆ คือ "ทัศนะสาธารณะของประชาชน" ที่นำเสนอเรื่องนี้ เช่น ในฟอรัมต่างๆ และในแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอที่ทำเนื้อหาขึ้นมากันเอง
ยกตัวอย่างเช่นใน Youtube มีคลิปจำนวนหนึ่งที่ใช้ภาพถ่ายการสร้างถนนหรือท่าเรือแถบห่าเตียนแล้วอธิบายว่าเป็นการสร้างถนนเชื่อมกับเกาะฝูก๊วก แต่ก็ไม่มีรายละเอียดที่เป็นทางการใดๆ เลย นอกจากนี้ ยังมีเสียงคัดค้านว่านั่นไม่ใช่โครงการสร้างถนนเชื่อมต่อแผ่นดินใหญ่กับเกาะ แต่เป็นท่าเรือต่างหาก
บางความเห็นชี้ว่าโครงการสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนกับเกาะฝูก๊วกไม่น่าจะเป็นไปได้ในอีก 10 - 20 ปี เพราะต้นทุนสูงมากและไม่มีประสิทธิภาพ หรือหมายความว่าสร้างไปแล้วก็ไม่คุ้มต้นทุน
ระยะห่างระหว่างห่าเตียนกับฝูก๊วกก็ไม่ใช่ใกล้ๆ คือ 44 กิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ ต้นทุนในการสร้างย่อมกัดกร่อนการคลังของเวียดนามอย่างหนักหน่วง หากจะคิดคืนทุนก็ยาก เพราะแค่เก็บค่าทางด่วนขึ้นสะพานข้ามกับนั่งเครื่องบินไปฝูก๊วก คนย่อมนั่งเครื่องจะสะดวกกว่า
เรื่องการสร้างสะพานเชื่อมผ่นดินใหญ่กับเกาะของเวียดนามนั่นก็มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ทางเชื่อมฝูก๊วก โดยสื่อเวียดนาม คือ Báo VietNamNet ที่รายงานเรื่องนี้ (ในลักษณะภาพข่าว) ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "โครงการสะพานข้ามทะเลยาวกว่า 18 กิโลเมตรไปยังเกาะห่อนควายกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จ สะพานแห่งนี้จะเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในเวียดนาม และยาวเป็นอันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
และ "เส้นทางสู่เกาะห่อนควายเริ่มต้นจากทางด่วนสายก่าเมา-ดัตมุ่ย ซึ่งสร้างขึ้นตามมาตรฐานสะพานข้ามทะเล ความยาวประมาณ 18 กิโลเมตร มีขนาด 4 เลน...โครงการนี้ก่อสร้างโดยกองพลทหารราบที่ 12 (กระทรวงกลาโหม) ด้วยเงินทุนรวมกว่า 25,700 พันล้านดอง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี พ.ศ. 2571"
สะพานความยาวประมาณ 18 กิโลเมตรก็ใช้เงินลงทุนกว่า 25,700 พันล้านดองเข้าไปแล้ว แถมนี้ยังเป็นทางเชื่อมที่เล็งประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคง เพราะเชื่อมท่าเรือในแถบนั้นและยังเป็นจุดป้องกันสำคัญของประเทศอีกด้วย
ผมจะยกตัวอย่าง สะพานเชื่อมอ่าวหังโจว (杭州湾跨海大桥) ในประเทศจีนที่เชื่อมต่อเมืองสำคัญในแถบนั้นคือเจียซิงกับหนิงปัว สะพานนี้ข้ามทะเลมีความยาว 35.7 กิโลเมตรถือว่าสั้นกว่าเส้นทางห่าเตียนกับฝู๊กวกเสียอีก แต่ประมาณการณ์ว่าใช้งบประมาณถึง 16,100 ล้านหยวน ซึ่งรวมถึงตัวสะพานเองความยาว 36 กิโลเมตร มูลค่า 11,800 ล้านหยวน, เส้นทางเชื่อมฝั่งเหนือความยาว 29.1 กิโลเมตร มูลค่า 1,700 ล้านหยวน และเส้นทางเชื่อมฝั่งใต้ความยาว 55.3 กิโลเมตร มูลค่า 3,400 ล้านหยวน
และโปรดสังเกตว่าการสร้างทางเชื่อทไม่ได้มีแค่สะพาน แต่ต้องสร้างถนนเชื่อมต่อด้วย ซึ่งจะทำให้ "งานงอก" อีกหลายเท่า
รัฐบาลจึงลงทุนเองทั้งหมดไม่ได้ เพราะต้นทุนสูงมาก ดังนั้นเงินลงทุนภาคเอกชนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนทั้งหมด สะพานแห่งนี้จะมีการเก็บค่าผ่านทางเป็นเวลา 30 ปี จะมีการเก็บค่าผ่านทาง 80 หยวนต่อคัน
ลองคิดดูว่าโครงการสะพานข้ามห่าเตียนไปฝูก๊วกจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร ต้องหาเอกชนมาลงทุนมากมายแค่ไหน จะต้องเก็บค่าธรรมเนียมใช้เท่าไรถึงจะคุ้ม?
พูดง่ายๆ ก็คือ การสร้างสะพานนี้ไม่คุ้มเอาเลยทั้งในแง่เศรษฐกิจและความมั่นคง
ในแง่ความมั่นคงนั้น ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศ A จะไปสร้างสิ่งกีดขวางหรือใช้มาตรการขวางกั้นประเทศ B ไม่ใช้ทางน้ำไม่ได้ ยอกเว้นกรณีที่เกิดสงคราม กระนั้นก็ตาม แม้จะเกิดสงครามระหว่างกัมพูชากับเวียดนาม หรือแม้แต่เวียดนามกับจีน การใช้สะพานมาขวางเป็นเรื่องที่สิ้นคิดที่สุดเพราะสามารถทำลายได้ไม่ยาก อีกทั้งการทำ blockade (การปิดกั้นทางน้ำ) ยังมีประสิทธิภาพกว่าหากใช้เรือรบและทุ่นระเบิดใต้น้ำ
เรื่องนี้ชาวเวียดนามก็ดีเบตกันว่า หากจะสร้างสะพานเชื่อมฝูก๊กวจริงมันไม่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรอกหรือ? แน่นอนว่ามันผิด และแม้จะไม่ผิดก็คือสร้างเพื่อการคนาคมย่อมทำได้ แต่มันก็ต้องเปิดทางให้เรือเข้าออกได้ด้วย ซึ่งหากการสัญจรคับคั่งเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อสะพานได้เหมือนกัน
ดูๆ ไปแล้วเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสียเอาเลย
แต่ที่มันเป็นประเด็นขึ้นมา ผมเชื่อว่าเพราะ "ทัศนะสาธารณะ" ของคนเวียดนามไม่พอใจกัมพูชาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโดยเฉพาะท่าทีเอียงจีนและเอาจีนมาลงทุนขุดคลองที่จะทำให้กัมพูชาเป็นอิสระด้านโลสิจติกจากเวียดนาม
รัฐบาลเวียดนามไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อเรื่องนี้
แต่ โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกล่าวไว้เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนระหว่างเยี่ยมเยือนโครงการทางเชื่อเกาะห่อนควายโดยเน้นที่ความสำคัญของเกาะแห่งนี้และพื้นที่โดยรอบว่า "เป็นด่านหน้า ปกป้องปากอ่าวไทย ใกล้เส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศ และเป็นศูนย์กลางของทะเลอาเซียน เรากำลังก่อสร้างท่าเรือสองทางและสะพานข้ามทะเลไข่ลอง-ห่อนควาย เพื่อสร้างรากฐานสำหรับการพัฒนาโลจิสติกส์สู่ทะเลตะวันตกเฉียงใต้ของปิตุภูมิ"
และว่า "ห่อนควายเป็นจุดยุทธศาสตร์ระดับชาติ ท่าเรือและสะพานข้ามทะเลไม่เพียงแต่ให้บริการชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นเสาหลักในการป้องกันประเทศและความมั่นคงในพื้นที่ตอนใต้สุดของปิตุภูมิด้วย ดังนั้น ความก้าวหน้าในที่นี้จึงไม่ใช่ความก้าวหน้าของโครงการ หากแต่เป็นความก้าวหน้าของความไว้วางใจของประชาชน เกียรติยศของรัฐ และความรับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศชาติ ไม่ล่าช้าแม้เพียงชั่วโมงเดียว ไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว ไม่ปล่อยให้ความเชื่อมโยงใดๆ มาถ่วงเวลาความก้าวหน้า" และ "ห่อนควายเป็นตำแหน่งที่มียุทธศาสตร์ ความประมาทเพียงนาทีเดียวสามารถเสียความพยายามหลายปีไปได้"
โต เลิม ยังย้ำว่า "ห่อนควายไม่ใช่แค่โครงการ แต่เป็นคำปฏิญาณแห่งชาติ"!
นี่คือความสำคัญเร่งด่วนกว่าสำหรับเวียดนาม นั่นคือการเชื่อมต่อเกาะห่อนควาย อันเป็นปากทางเข้าทะเลจีนใต้ (ซึ่งมีความเปราะบางสูง) ไม่ใช่การเชื่อมต่อเกาะฝูก๊วก (ที่มีความสงบเรียบร้อย)
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - vietnambusinessinsider.vn