เรื่องนี้เป็นวิวาทะที่คนไทยเถียงกันมาหลายวันแล้ว หลังจากเห็นรายชื่อของผู้นำต่างๆ ที่ไปร่วมงาน "การชุมนุมครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก" ที่จะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 3 กันยายน
ก่อนอื่นนี่คือรายชื่อของผู้นำประเทศที่ไปร่วมงานนี้ คัดเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- กษัตริย์นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา
- ประธานาธิบดี เลือง เกื่อง แห่งเวียดนาม
- ประธานาธิบดี ทองลุน สีสุลิด แห่งลาว
- นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย
- รักษาการประธานาธิบดีมิน ออง หล่าย แห่งเมียนมา
เดิมทีประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต แห่งอินโดนีเซีย มีกำหนดเข้าร่วม แต่ได้ยกเลิกการเข้าร่วมเนื่องจากเหตุประท้วงภายในประเทศ
ในลิสต์รายชื่อผู้นำประเทศอาเซียนไม่มีผู้นำไทย และในลิสต์รายชื่อผู้แทนระดับสูงสาขาอื่นๆ เช่น ประธานรัฐสภาก็ไม่มีไทย แต่มีเพียง เอี้ยนจินยง ประธานรัฐสภาแห่งสิงคโปร์, ประธานรัฐสภาติมอร์ตะวันออกคือ มาเรีย เฟอร์นันดา เลย์ และ ฮาไซมี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพบรูไนเท่านั้น
กล่าวโดยสรุปก็คือ ไทยไม่ได้ส่งใครไปร่วมงานนี้เลย
คนไทยเถียงกันว่า "เพราะเราไม่มีนายกรัฐมนตรีในตอนนี้" แต่ทฤษฎีนี้ไม่มีน้ำหนัก เพราะสิงคโปร์ ติมอร์ตะวันออก และบรูไน ก็ส่งผู้แทนระดับสูงจากสาขาอื่นไป คือ สาขานิติบัญญัติและกองทัพ
มีเพียงไทยกับฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ไม่ได้ส่งผู้แทนไปร่วมเลย ในส่วนของฟิลิปปินส์นั้นเข้าใจได้เพราะกำลังมีเรื่องกระทบกระทั่งกับจีนในทะเลจีนใต้ อีกทั้งรัฐบาลยังเป็นปฏิปักษ์กับจีนอย่างออกนอกหน้า
แต่ไทยมีปัญหาอะไรถึงไม่ส่งผู้แทนไปร่วมงานนี้?
ผมได้สอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยแล้วว่าได้เชิญผู้แทนจากไทยร่วมงงานหรือไม่และได้คำตอบว่า งานนี้จีนได้เชิญประเทศบางประเทศ จึงไม่ได้เชิญทั่วไปทั้งหมด อีกประการหนึ่งก็คือยังมีงานสำคัญระหว่างจีนกับไทยในปีนี้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายก็กำลังเตรียมงานอยู่ นั่นคืองานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนครบรอบ 50 ปี
อย่างไรก็ตาม ยังความสงสัยของคนไทยหลายๆ คำถามว่า "ทำไมไทยไม่ส่งผู้แทนไปงานนี้?" หนึ่งในนั้นคือเรื่องเกี่ยวกับความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
ก่อนอื่น 'การสวนสนามรำลึก 80 ปีสงครามต่อต้านญี่ปุ่น' มีความสำคัญอย่างไร? งานนี้ถูกสื่อต่างประเทศมองว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สนิทสนมกับจีนและแสดงพลัง "ขั้วอำนาจใหม่" ที่นำโดยจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานนี้จัดไล่เลี่ยกับการองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่ถือเป็นการรวมตัวของขั้วอำนาจนอกชาติตะวันตก สมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศเอเชียกลาง เอเชียใต้ และยูเรเชีย ดังนั้น ผู้นำของประเทศเหล่านี้มาประชุม SCO แล้วก็ต่อด้วยงาน 'การสวนสนามรำลึก 80 ปีสงครามต่อต้านญี่ปุ่น' กันต่อไปเลย
พูดง่ายๆ ก็คือ งาน 'การสวนสนามรำลึก 80 ปีสงครามต่อต้านญี่ปุ่น' คือการแสดงพลังของประเทศที่เป็นมิตรกับจีนนั่นเอง หรืออย่างน้อยก็มีอุดมการณ์ร่วมกับจีน
มันมีนัยทางการเมืองแบบนี้ จึงไม่ใช่แค่งานรำลึกการต่อต้านสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 หรือส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2
คนไทยคิดกันแล้วว่าที่ไทยไม่ไปร่วมก็เพราะไทยเคยเป็นส่วนหนึ่งของ "อักษะ" หรือฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ "ไม่น่าจะเหมาะ" ที่ไทยไปร่วมการรำลึกชัยชนะของจีนต่อญี่ปุ่น
เรื่องนี้ "ไม่ใช่เรื่องให้คิดลึก" เพราะตั้งแต่ก่อนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วที่ไทยเคลียร์กับจีน (คณะชาติหรือก๊กมินตั๋ง) ไปแล้วว่าที่ไทยร่วมวงกับญี่ปุ่นเพราะความจำเป็น
ในตอนแรกจีนโกรธไทยมาก แต่หลังจากที่ผู้แทนไทยเดินทางไปชี้แจงกับจีนแบบลับๆ และขอความช่วยเหลือในการขับไล่ญี่ปุ่น จีนก็เปลี่ยนท่าทีจากที่คิดจะยกทัพมายึดไทยให้หายแค้น ก็มาสนับสนุนเอกราชของไทย
แม้ว่าคนจีนทุกวันนี้หลายคนก็ยังคิดว่าไทยร่วมมือกับญี่ปุ่น แต่คนเหล่านั้นไม่มีความรู้ตื้นลึกหนาบางอะไร เพราะระดับรัฐบาลเขาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น
อีกอย่างก็คือ ในบรรดาชาติอาเซียนนั้น ล้วนแต่ร่วมมือกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามเกือบทั้งหมด บรรดาขบวนการเอกราชในอินโดนีเซีย ในเมียนมา ในอินโดเจีนของฝรั่งเศส แม้แต่ในมาลายา ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่น ทั้งการฝึกทหาร และการสถาปนาอุดมการณ์เรียกร้องเอกราชจากชาติอาณานิคมฝรั่ง
ชาติเหล่านี้สมคบกับญี่ปุ่นอย่างเป็นระบบกว่าไทยเสียอีก ตรงกันข้าม ไทยนี้เป็นชาติเดียวที่รบกับญี่ปุ่นจนนองเลือดก่อน จากนั้นรัฐบาลเกรงว่าบ้านเมืองจะพินาศจึงยอมให้ญี่ปุ่น "ผ่านทางไทย" ไปบ้านเมืองอื่น
เรื่องเล่าอีกแง่มุมของสงครามโลกครั้งที่ 2 แบบนี้ น้อยคนจะทราบ แต่ก็ไม่ใช่ประด็นเช่นกัน อย่างที่เราเห็นว่าประเทศอาเซียนที่ร่วมมือกับญี่ปุ่นในตอนนี้ ตอนนี้จะไปร่วมฉลองกับจีนกันหมดแล้ว
อีกประเด็นก็คือ แม้แต่ (อดีต) ผู้นำญี่ปุ่นก็เข้าร่วมที่จีนด้วยซ้ำ นั่นคือ ยูกิโอะ ฮาโตยามะ ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (DPJ) ใน ค.ศ. 2009 ถึง 2010 และมีท่าทีทางการเมืองที่เป็นมิตรกับจีน ต่างจากพรรครัฐบาลญี่ปุ่นตอนนี้ คือพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ที่เป็นอนุรักษ์นิยมละไม่ค่อยยิ้มให้จีน
และเมื่อย้อนกลับไปใน "การชุมนุมครบรอบ 70 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก" เมื่อปี 2015 ครั้งนั้นไทยก็ยังส่งผู้แทนไปร่วมงานด้วย คือ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ดังนั้น การที่ไม่มีไทยจึงไม่ใช่เพราะไทยไม่มีตัวแทนเหลืออยู่เลย (เพราะความโกลาหลทางการเมือง) และไม่ใช่เพราะไทยเคยเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่นในช่วงสงคราม
คำถามที่คนไทยยังไม่ถามก็คือ "จีนกับไทยมีอะไรคาใจกันอยู่หรือไม่?"
คำถามนี้ผมตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ขอย้ำคำตอบจากสถานทูตจีนที่ว่า "งานนี้จีนได้เชิญประเทศบางประเทศ จึงไม่ได้เชิญทั่วไปทั้งหมด อีกประการหนึ่งก็คือยังมีงานสำคัญระหว่างจีนกับไทยในปีนี้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายก็กำลังเตรียมงานอยู่ นั่นคืองานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนครบรอบ 50 ปี"
คำตอบนี้อาจจะช่วยให้หายคาใจได้สำหรับบางคน
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับไทยโดยตรงหรือไม่ เพราะสัปดาห์ก่อน ที่จีนมีการลำเลิกเหตุการณ์ตอนที่ญี่ปุ่นตกเป็นข่าวว่าได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อ "ประชาสัมพันธ์" เรื่องภาพลักษณ์ของตนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้เงินหว่านล้อมไม่ให้ประเทศต่างๆ ไปร่วมงาน "การชุมนุมครบรอบ 70 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก" ส่วนในงานฉลอง 80 ปีนั้นจะมีเหตุการณ์แบบเดียวกันหรือไม่?
มีรายงานข่าวจากสื่อจีนแบบนี้ว่า
"เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ (จีน) รายงานเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเรียกร้องอย่างเงียบๆ ให้ประเทศต่างๆ หลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในงานครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ณ กรุงปักกิ่งในวันที่ 3 กันยายนนี้ ... สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ "ร้องขอ" ประเทศต่างๆ ในยุโรปและเอเชียผ่านช่องทางการทูต เช่น สถานทูตในต่างประเทศ โดยหวังว่าผู้นำของประเทศต่างๆ จะไม่เข้าร่วมด้วย โดยให้เหตุผลว่ากิจกรรมรำลึกของจีน "เน้นไปที่ประวัติศาสตร์มากเกินไป""
"คำตอบของกัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในการแถลงข่าวประจำวันที่ 26 สิงหาคม ชัดเจนแล้วว่า จีนรับทราบข้อมูลข้างต้นและได้ยื่นคำร้องอย่างจริงจังต่อญี่ปุ่น เรียกร้องให้มีการชี้แจง แม้ถ้อยคำเหล่านี้จะสุภาพ แต่ถ้อยคำเหล่านี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง"
กัวเจียคุน กล่าวได้ดีว่า “รัฐบาลจีนขอร่วมรำลึกถึงวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะของสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ รำลึกถึงวีรชนผู้เสียสละ รำลึกถึงสันติภาพ และสร้างสรรค์อนาคต ประเทศใดก็ตามที่เผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ด้วยความซื่อสัตย์และเปิดกว้าง ศึกษาหาความรู้จากประวัติศาสตร์อย่างจริงจัง และมุ่งมั่นพัฒนาอย่างสันติ จะไม่ตั้งคำถามต่อเจตนารมณ์นี้ และจะไม่คัดค้านใดๆ”
อีกรายงานหนึ่งระบุว่า
"บ่ายวันที่ 28 สิงหาคม กระทรวงกลาโหมได้จัดงานแถลงข่าวตามปกติ และพันเอกจางเสี่ยวกัง โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว ดังนี้
ถาม: การสืบสวนของอวี้หยวน ถานเถียน (玉渊谭天 หรือ CMG สำนักข่าวกลางของจีน) พบว่านับตั้งแต่จีนจัดขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะครั้งแรกในปี 2015 ญี่ปุ่นได้ใช้เงินกว่า 56,000 ล้านเยน เพื่อส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ภาพลักษณ์ที่ถูกต้อง" ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงได้เรียกร้องให้ประเทศในยุโรปและเอเชียผ่านช่องทางการทูตพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะเข้าร่วมพิธีรำลึก 3 กันยายน ณ กรุงปักกิ่งหรือไม่ โฆษกของกรทรวงจะกล่าวอย่างไร?
ตอบ: กระทรวงการต่างประเทศได้ตอบสนองต่อเรื่องนี้แล้วและได้ยื่นคำร้องอย่างจริงจังต่อญี่ปุ่นเพื่อขอคำชี้แจง สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าการปกปิดข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบจะไม่ "กลบเกลื่อน" ญี่ปุ่น แต่จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความระมัดระวังอย่างสูงและการประณามอย่างรุนแรงจากผู้รักสันติทั่วโลก รวมถึงชาวจีนด้วย ญี่ปุ่นควรเผชิญหน้าและไตร่ตรองประวัติศาสตร์การรุกรานของตนอย่างตรงไปตรงมา ตัดความสัมพันธ์กับลัทธิทหารอย่างสิ้นเชิง และเคารพความรู้สึกของประชาชนในประเทศที่ตกเป็นเหยื่ออย่างจีนอย่างแท้จริง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนบ้านในเอเชียและประชาคมโลกอย่างแท้จริง"
นี่คือรายงานข่าวจากจีนในเวลานั้น และทำให้น่าคิดว่าการที่รัฐบาลญี่ปุ่นทุ่มทั้งเงินทองและอำนาจทางการเมืองโน้มน้าวประเทศต่างๆ ไม่ให้ประเทศร่วมงงานที่ปักกิ่ง น่าจะมีการใช้ "อำนาจพิเศษ" กับไทยด้วยหรือไม่
อำนาจพิเศษที่ว่านั้นคืออำนาจทางเศรษฐกิจและการลงทุน เพราะญี่ปุ่นยังเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในไทย
และในเวลานี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาพซอมบี้ หากญี่ปุ่นไม่ต่อเลือดให้ มีหวังซอมบี้ตัวนี้ซี้แหงแก๋
ข้างต้นนี้เป็นข้อสงสัยของผมเอง ผมสงสัยว่าไทยจะญี่ปุ่นกดดัน แต่ก็ยังสงสัยว่าไทยกับจีนน่าจะมีเรื่องที่ยังเคลียร์ไม่ได้หรือไร ไทยถึงไม่ส่งผู้แทนระดับไหนๆ ไปเลย
แม้ว่าจะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่หวังว่าข้อมูลที่นำมาประกอบในบทความนี้น่าจะทำลายความสงสัยข้ออื่นๆ ไปได้
ส่วนความสงสัยที่ยังตอบไม่ได้ ก็คงต้องได้แต่ปลงว่าการเมืองโลกการเมืองไทยตอนนี้หักมุมเก่งยิ่งกว่าซีรีส์ยอดฮิตเสียอีก
โปรดติดตามกันไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ชายคนหนึ่งถ่ายภาพขณะเยี่ยมชมนิทรรศการรำลึกครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะเหนือญี่ปุ่นและการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ พิพิธภัณฑ์สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของชาวจีน ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 จีนจะจัดขบวนพาเหรดทางทหารในกรุงปักกิ่งในวันที่ 3 กันยายน เพื่อรำลึกครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะเหนือญี่ปุ่นและการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (ภาพโดย WANG Zhao / AFP)