นักดาราศาสตร์จุดความหวังให้กับมนุษยชาติว่าไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาล โดยประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าพวกเขาได้ตรวจพบสัญญาณที่มีแนวโน้มดีที่สุดที่เท่าที่เคยมีมา เกี่ยวกับโอกาสที่จะชีวิตบนดาวเคราะห์อันห่างไกล
แต่เมื่อพิจารณาจากอายุและความกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล ยังมีอีกคำถามที่สร้างความสับสนให้กับนักวิทยาศาสตร์บางคนมานานแล้ว คำถามนั้นก็คือ ถ้ามีส่ิงมีชีวิตนอกลโลกอยู่จริงๆ แลัว "ทำไมเราถึงยังไม่ได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเสียที?"
เรื่องนี้มันเริ่มขึ้นมาจากคำถามที่ว่า “ทุกคน (มนุษย์ต่างดาว) ไปอยู่ที่ไหนกันหมด” ที่ถามโดย เอนริโก แฟร์มี ฟิสิกส์ชาวอเมริกันที่ถามนักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ รวมถึงเอ็ดเวิร์ด เทลเลอร์ ขณะรับประทานอาหารกลางวันเมื่อปี 1950
ความสงสัยนี้ถูกเรียกว่าปรากฏการณ์แฟร์มี (Fermi's Paradox)
เจสัน ไรท์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวกรองนอกโลกแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต กล่าวกับ AFP ว่าเรื่องนี้ “มันเป็นกลเกมเกี่ยวกับตัวเลข”
ทางช้างเผือกมีอายุประมาณ 10,000 ล้านปีและเป็นที่อยู่ของดวงดาวมากกว่า 100,000 ล้านดวง
ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้จำนวนมากมายมหาศาลในกาแล็กซีบ้านเกิดของเราเพียงแห่งเดียว
ซึ่งอาจรวมถึง K2-18b ซึ่งนักดาราศาสตร์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าพวกเขาได้ตรวจพบสัญญาณของสารเคมีที่ผลิตได้จากจุลินทรีย์บนโลกเท่านั้น
ไรท์กล่าวว่า Fermi's Paradox บ่งบอกเป็นนัยว่า "หากมีเวลาเพียงพอ" ล่ะก็ "ในที่สุดเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวทุกสายพันธุ์ก็จะมีอีลอน มัสก์เป็นของตัวเองซึ่งจะเดินทางออกไปตั้งรกรากดาวดวงต่อไป" (อีลอน มัสก์ ประกาศโครงการเดินทางไปดาวอังคาร)
แต่การที่เรายังไม่ได้ยินขาวจากมนุษย์ต่างดาวอื่นๆ นั้นเรียกว่า "ปริศนาแห่งความเงียบอันยิ่งใหญ่" (the mystery of the great silence)
แล้วทฤษฎีต่างๆ คืออะไร?
จนถึงขณะนี้มีการเสนอวิธีแก้ปัญหา Fermi's Paradox ไปแล้วอย่างน้อย 75 วิธี ตามหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี 2015 แม้ว่าไรท์จะคาดเดาว่าจะมีการเพิ่มวิธีอื่นๆ เข้ามาอีก
ประการแรก เป็นไปได้ที่มนุษย์ยังไม่ตรวจพบสิ่งมีชีวิตต่างดาวเนื่องจากไม่มีอยู่จริง นั่นหมายความว่า เราอยู่โดดเดี่ยวจริงๆ
แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้
นักวิทยาศาสตร์กว่า 1,000 คนจากสาขาที่เกี่ยวข้องที่สำรวจใน Nature Astronomy เมื่อต้นปีนี้ ร้อยละ 87 เห็นด้วยว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกอย่างน้อยหนึ่งรูปแบบ
มากกว่าร้อยละ 67 ของนักวิทยาศาสตร์เห็นด้วยว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่มีสติปัญญาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้เช่นกันที่มนุษย์ต่างดาวอาจอยู่ที่นี่แล้วและเราไม่ได้สังเกตเห็น หรือถูกปกปิดไว้
หรืออวกาศระหว่างดวงดาวอาจเดินทางได้ยากเกินไป ระยะทางไกลเกินไป ทรัพยากรที่จำเป็นก็มากเกินไป
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามี "ตัวกรองขนาดใหญ่"
ทฤษฎีอีกประการหนึ่งก็คือ มี "ตัวกรองขนาดใหญ่" (great filter) บางอย่างที่ป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิต - หรือสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา - ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่แรก
หรือบางทีอาจมีสิ่งกีดขวางบางอย่างที่ขัดขวางไม่ให้อารยธรรมก้าวหน้าเกินจุดหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น เมื่ออารยธรรมพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเดินทางผ่านอวกาศ พวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะทำลายตัวเองด้วยอาวุธบางอย่าง เช่น อาวุธนิวเคลียร์
หรือบางทีพวกเขาอาจทำลายทรัพยากรธรรมชาติของดาวเคราะห์ของตัวเอง หรือทำให้สภาพอากาศไม่สามารถอยู่อาศัยได้
ทฤษฎีบางอย่างเหล่านี้ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากความกลัวการสูญสิ้นของอารยธรรมของมนุษย์ ซึ่งมุนษย์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของชีวิตที่มีสติปัญญา
แต่ไรท์รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสิ่งกีดขวางดังกล่าวจะต้องเหมือนกันทั่วทั้งจักรวาล
นอกจากนี้ จะต้องทำให้สายพันธุ์สูญพันธุ์หมดทุกครั้ง มิฉะนั้น พวกมันจะฟื้นตัวและพยายามเดินทางในอวกาศอีกครั้ง
เราอยู่ในสวนสัตว์หรือท้องฟ้าจำลองกันแน่?
ยังมีแนวคิดที่สติเฟื่องเรื่องกาแล็กซีอีกมากมาย
ภายใต้สมมติฐาน "สวนสัตว์" มนุษย์ต่างดาวที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะปล่อยให้มนุษย์อยู่ตามลำพังเพื่อสังเกตเราจากระยะไกล เหมือนสัตว์ในสวนสัตว์
สมมติฐาน "ท้องฟ้าจำลอง" ตั้งสมมติฐานว่ามนุษย์ต่างดาวอาจสร้างภาพลวงตาที่ทำให้อวกาศดูว่างเปล่าสำหรับเรา ทำให้เราอยู่ในความมืด
...หรือว่าจะเป็น 'ป่ามืด'?
ทฤษฎีนี้ได้รับชื่อมาจากหนังสือเล่มที่ 2 ในชุดนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง "The Three-Body Problem" ของนักเขียนชาวจีนชื่อ Cixin Liu
ทฤษฎีนี้ตั้งสมมติฐานว่าจักรวาลเป็น "ป่ามืด" ที่ไม่มีใครต้องการเปิดเผยการมีอยู่ของพวกเขา เพราะกลัวว่าคนอื่นจะทำลายพวกเขา
มีสมมติฐานอื่นๆ ที่มนุษย์ต่างดาวชอบที่จะ "ข้ามผ่าน" ไปยังมิติอื่นของการดำรงอยู่ ซึ่งบางคนได้เปรียบเทียบกับความเป็นจริงเสมือน ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปกับการเดินทางระหว่างดวงดาวเลย
ทำไมพวกเขาถึงเหมือนกันหมดล่ะ?
แต่ "สิ่งที่เรียกว่าวิธีแก้ปัญหา" เหล่านี้มีปัญหาใหญ่มาก ไรท์กล่าว
พวกเขามักจะสันนิษฐานว่ามนุษย์ต่างดาวในจักรวาลทั้งหมดจะมีพฤติกรรมเหมือนกันตลอดไป
เรื่องนี้ถูกเรียกว่า "ความเข้าใจผิดทางวัฒนธรรมเดียว"
ไรท์ ซึ่งใช้กล้องโทรทรรศน์ SETI เพื่อค้นหาสัญญาณวิทยุหรือเลเซอร์จากดวงดาว ยังคัดค้านแนวคิดที่ว่ามนุษย์จะต้องรับสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวได้อยู่แล้ว
มนุษย์ต่างดาวอาจส่งข้อความโดยใช้เทคโนโลยีที่ไม่รู้จักมากมาย ดังนั้นกาแล็กซีอาจไม่ได้เงียบอย่างที่เราคิดก็ได้ เขากล่าว
โดยทั่วไปแล้ว พวกเราที่มองหาสิ่งมีชีวิตในจักรวาลไม่คิดว่า Fermi paradox หรือความเงียบอันยิ่งใหญ่เป็นปัญหาใหญ่ขนาดนั้น
Agence France-Presse
Photo - ภาพจำลองของศิลปินที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2025 โดย N. Madhusudhan/University of Cambridge แสดงให้เห็นซูเปอร์เอิร์ธ K2-18b ซึ่งเป็นโลกที่มีลักษณะคล้ายกับดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ K2-18b ซึ่งนักดาราศาสตร์กล่าวว่าพวกเขาค้นพบ "สัญญาณ" ที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกระบบสุริยะนี้ นักดาราศาสตร์ประกาศเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2025 ว่าพวกเขาได้ค้นพบ "สัญญาณ" ที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อาจเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะของเรา แม้ว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ จะแสดงท่าทีไม่เชื่อก็ตาม มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในแวดวงวิทยาศาสตร์ว่าดาวเคราะห์ K2-18b ซึ่งอยู่ห่างออกไป 124 ปีแสงในกลุ่มดาวสิงโต อาจเป็นโลกใต้ทะเลที่เป็นแหล่งอาศัยของจุลินทรีย์ได้หรือไม่ (ภาพถ่ายโดย Handout / University of Cambridge / AFP)