เบื้องหลังสถานการณ์
ลาดัก (Ladakh) กลายเป็นดินแดนหิมาลัยอีกแห่งที่กำลังจะโกลาหลตามรอยสิ่งที่เกิดขึ้นในเนปาล
ลาดัก เป็นภูมิภาคที่อินเดียปกครองในฐานะดินแดนสหภาพ (Union territory) ของอินเดีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ปกครองโดยรัฐบาลกลางของอินเดียโดยตรง ต่างจากรัฐต่างๆ ซึ่งมีระบบการปกครองของรัฐเป็นของตนเอง ดินแดนสหภาพต่างจากรัฐตรงที่ไม่มีรัฐบาลเต็มรูปแบบของตนเอง แต่บริหารโดยรองผู้ว่าราชการหรือผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีแห่งอินเดีย
แม้ว่าลาดักจะอยู่ห้อมล้อมด้วยภูเขาหิมาลัยและคาราโครัมอันงดงาม มีวัดพุทธศาสนาแบบทิเบตมากมายและเก่าแก่ เต็มไปด้วยชนชาติที่หลากหลาย (มีประชากรประมาณ 300,000 คน ชาวลาดักประมาณครึ่งหนึ่งนับถือศาสนาอิสลาม และประมาณ 40% นับถือศาสนาพุทธ) แต่ลาดักก็เป็นดินแดนที่ "เปราะบาง" เพราะเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคกัศมีร์ ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างอินเดียและปากีสถานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 และยังเป็นพื้นที่ติดกับพรมแดนพิพาททระหว่างอินเดียและจีนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502
อย่างไรก็ตาม นอกจากความเปราะบางเหล่านี้แล้ว (ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลกลางของอินเดียต้องปกครองดินแดนนี้ดยตรง) ชาวลาดักยังเริ่มไม่พอใจรัฐบาลกลางที่ไม่ให้อำนาจการปกครองตนเองแก่พวกขา
โซนัม วังชุก ชาวลาดัก ซึ่งเป็นวิศวกร ผู้ริเริ่มนวัตกรรม และนักปฏิรูปการศึกษา เขาเป็นผู้ริเริ่มโครงการต่างๆ ส่งเสริมการศึกษาของคนท้องถิ่นและการป้องกันภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อดินแดนแห่งธารน้ำแข็งแห้งนี้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2566 วังชุกได้พยายามอดอาหารประท้วงครั้งแรก เพื่อเน้นย้ำถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระบบนิเวศที่เปราะบางของลาดัก และเพื่อเรียกร้องให้มีการคุ้มครองภายใต้กำหนดการที่ 6 ของรัฐธรรมนูญอินเดีย ที่อำนาจการปกครองตนเองผ่านสภาเขตปกครองตนเอง (ADC) แห่รัฐที่มีชนชาติต่างๆ ต่างจากชนกลุ่มใหญ่ของอินเดีย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ขัดขวางไม่ให้ วังชุก อดอาหารโดยการกักบริเวณในบ้าน จำกัดการเดินทาง และห้ามไม่ให้บุคคลอื่นเข้าเยี่ยม โดยอ้างว่าอุณหภูมิต่ำกว่า -40°C ไม่เหมาะสำหรับการอดอาหาร พวกเขายังควบคุมตัวนักศึกษาของ วังชุก บางส่วนที่สนับสนุนเขา
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 วังชุก เริ่มการอดอาหารเพื่อกดดันให้เรียกร้องการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญสำหรับดินแดนสหภาพและการปกป้องลาดักจากกลุ่มล็อบบี้ยิสต์อุตสาหกรรมและเหมืองแร่ นอกจากนี้ เขายังเริ่มการอดอาหารประท้วง Climate Fast เป็นเวลา 21 วันเพื่อยกสถานะรัฐให้กับดินแดนสหภาพลาดักภายใต้กำหนดการที่ 6
อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567 ขณะเดินเท้าจากลาดักไปยังเดลีเพื่อเรียกร้องตามข้อเรียกร้อง วังชุกและผู้สนับสนุนของเขาถูกตำรวจเดลีควบคุมตัวที่ชายแดนเมืองหลวง และได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ในเดลี พวกเขาประกาศว่าจะอดอาหารประท้วงอย่างไม่มีกำหนด หากไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ประธานาธิบดี ดรูปาดี มูร์มู หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อมิต ชาห์ เพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของพวกเขาในการรวมลาดักเข้าไว้ในกำหนดการที่ 6 ของรัฐธรรมนูญอินเดีย
และล่าสุดในปีนี้ วังชุก เริ่มอดอาการประท้วงอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 โดยเรียกร้องกำหนดการที่ 6 และสถานะรัฐของลาดัก แต่ปีนี้สถานการณ์ต่างออกไป เพราะการอดอาหารของ วังชุก นำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ที่ตามด้วยการนองเลือดและความตาย
กระทรวงมหาดไทยอินเดียมีแถลงการณ์ว่า "แม้ว่าผู้นำหลายคนจะเรียกร้องให้ยกเลิกการอดอาหารประท้วง เขาก็ยังคงอดอาหารประท้วงต่อไป และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยการกล่าวถึงการประท้วงแบบอาหรับสปริง (Arab Spring) อย่างยั่วยุ และการอ้างอิงถึงการประท้วงของคนรุ่น Gen Z ในเนปาล"
วันที่ 24 กันยายน เวลาประมาณ 11.30 น. ฝูงชนที่ถูกยุยงโดยคำพูดยั่วยุของวังชุกได้ออกจากสถานที่อดอาหารประท้วงและโจมตีสำนักงานพรรคการเมืองและสำนักงานรัฐบาลของเมืองเลห์ พวกเขายังวางเพลิงเผาสำนักงานเหล่านี้ ทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเผารถตำรวจ ฝูงชนที่ก่อความไม่สงบได้โจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ/ตำรวจรัฐบาลกลาง ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 30 นาย ฝูงชนยังคงทำลายทรัพย์สินสาธารณะและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป เพื่อป้องกันตัว ตำรวจต้องใช้วิธียิง ซึ่งน่าเสียดายที่มีรายงานผู้บาดเจ็บบางส่วน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สำนักข่าว AFP รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 5 รายในอินเดียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่เรียกร้องเอกราชในลาดัก ดินแดนหิมาลัย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน
ในเมืองเลห์ ซึ่งเป็นเมืองหลักของแคว้นนี้ ผู้ประท้วงได้เผารถตำรวจและสำนักงานพรรคภารตียชนตาของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาและใช้กระบองสลายฝูงชน ตำรวจกล่าว
“มีรายงานผู้เสียชีวิต 5 รายหลังการประท้วง” เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเลห์กล่าวกับสำนักข่าว AFP โดยขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับนักข่าว “จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวนหลายสิบคน”
เรกซิน ซังดูป เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายหนึ่ง บอกกับ AFP ว่า "มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมถึงตำรวจบางนาย"
ต่อมาทางการได้ออกมาตรการจำกัดการชุมนุม โดยห้ามการชุมนุมเกินสี่คน
ทั้งนี้ ลาดักถูกจัดให้เป็น "ดินแดนสหภาพ" (Union Territory) ซึ่งหมายความว่าแม้จะสามารถเลือกสมาชิกรัฐสภาแห่งชาติ แต่กลับอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลกลางที่กรุงนิวเดลีโดยตรง
การชุมนุมประท้วงเมื่อวันพุธจัดขึ้นเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับโซนัม วังชุก นักเคลื่อนไหวชื่อดัง ซึ่งอดอาหารประท้วงมาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว
เขาเรียกร้องให้ลาดักเป็นรัฐ (State) อย่างสมบูรณ์ หรือให้ความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแก่ชุมชนชนเผ่า ที่ดิน และสภาพแวดล้อมที่เปราะบาง
“ความไม่สงบทางสังคมเกิดขึ้นเมื่อเราปล่อยให้คนหนุ่มสาวว่างงานและพรากสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของพวกเขาไป” วังชุกกล่าวในแถลงการณ์ที่โพสต์บนโซเชียลมีเดีย
เขาวิงวอนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงความรุนแรง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
กองทัพอินเดียยังคงประจำการอยู่ในลาดัก ซึ่งรวมถึงพื้นที่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาทกับจีน
ในปี 2020 กองกำลังจากทั้งสองประเทศปะทะกัน ทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิตอย่างน้อย 20 นาย และทหารจีน 4 นาย
รัฐบาลโมดีแยกลาดักห์ออกจากกัศมีร์ที่อินเดียปกครองในปี 2019 โดยบังคับใช้การปกครองโดยตรงของรัฐบาลกลางต่อทั้งสองดินแดน
แต่รัฐบาลกลางที่กรุงนิวเดลียังไม่สามารถทำตามสัญญาที่จะรวมลาดักห์ไว้ใน “กำหนดการที่ 6” (Sixth Schedule) ของรัฐธรรมนูญอินเดีย ซึ่งอนุญาตให้ประชาชนกำหนดกฎหมายและนโยบายของตนเองได้
“วันนี้ไม่มีเวทีสำหรับประชาธิปไตย” วังชุกกล่าวจากรายงานของ AFP “แม้แต่กำหนดการที่ 6 ซึ่งเคยสัญญาและประกาศไว้ก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้”
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - (TOPSHOT) - รถตำรวจถูกเผาโดยผู้ประท้วงบนถนนใกล้สำนักงานพรรคภารตียชนตา (BJP) ในเมืองเลห์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ตำรวจอินเดียปะทะกับผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่เรียกร้องสิทธิปกครองตนเองมากขึ้นในเขตลาดักห์ ดินแดนหิมาลัย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย (ภาพโดย Tsewang RIGZIN / AFP)