ชาวอินเดียฝันสลายหมดโอกาส "ไปสร้างตัวที่อเมริกา" เมื่อทรัมป์ประกาศเก็บค่าวีซ่า 100,000 ดอลลาร์

ชาวอินเดียฝันสลายหมดโอกาส

นักศึกษาวิศวกรรมการบินและอวกาศชาวอินเดีย สุธันวา กาศยัป คิดว่าเขาได้วางแผนทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาแล้ว แต่แผนการของเขากลับพลิกผันเมื่อรัฐบาลวอชิงตันเปลี่ยนวีซ่าแรงงานที่มีทักษะอย่างกะทันหันและมีค่าใช้จ่ายสูง

การเปลี่ยนแปลงวีซ่าประเภท H-1B อันเป็นที่ต้องการอย่างมากเมื่อวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมใหม่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ สร้างความปั่นป่วนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและทำให้บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ต้องดิ้นรนหาทางแก้ไขเพื่อหาทางรับมือกับการขาดแรงงานต่างด้าว

การชี้แจงอย่างเร่งรีบจากทำเนียบขาวว่าค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะเป็นการชำระเพียงครั้งเดียว แทนที่จะเป็นค่าธรรมเนียมรายปีตามที่ ฮาเวิร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ ยิ่งทำให้ความไม่แน่นอนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

การเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมทำให้เหล่านักศึกษาอย่าง สุธันวา กาศยัป ต้องหวั่นใจ เพราะพวกเขาหวังจะเข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกา และจากนั้นก็เข้าสู่ตลาดงานในสหรัฐฯ

สุธันวา กาศยัป หนุ่มวัย 21 ปี จากเบงกาลูรู ศูนย์กลางเทคโนโลยีทางตอนใต้ของอินเดีย เคยจินตนาการว่าตัวเองจะได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา โดยมีเป้าหมายคือมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

"สมัยที่ค่าธรรมเนียมยังต่ำกว่านี้ มันยังเป็นสิ่งที่คุณสามารถตั้งความหวังไว้ได้ การเปลี่ยนวีซ่านักเรียนเป็น H-1B น่าจะง่ายกว่า" สุธันวา กาศยัป กล่าวกับ AFP

"ผมผิดหวังมาก... ความฝันหลักของผมพังทลายลงแล้วในตอนนี้" เขากล่าว

วีซ่า H-1B อนุญาตให้บริษัทต่างๆ สนับสนุนแรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะทาง เช่น นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ ให้ทำงานในสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มต้นเป็นเวลาสามปี แต่สามารถขยายเป็นหกปีได้

สหรัฐอเมริกามอบวีซ่า H-1B 85,000 ฉบับต่อปีโดยใช้ระบบลอตเตอรี โดยอินเดียคิดเป็นประมาณสามในสี่ของผู้รับวีซ่า

ลัตนิกได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการใหม่นี้ ขณะที่เขายืนอยู่เคียงข้างโดนัลด์ ทรัมป์ ในห้องทำงานรูปไข่ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังได้นำเสนอโครงการ "บัตรทอง" มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเขาเคยนำเสนอตัวอย่างเมื่อหลายเดือนก่อน

บริษัทชั้นนำหลายแห่งรีบแนะนำพนักงานที่ถือวีซ่า H-1B ไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศในขณะที่พวกเขากำลังพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น บางคนที่ขึ้นเครื่องบินไปแล้วก็ลงจากเครื่องบินเพราะกลัวว่าอาจไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าประเทศ

ความฝันแบบอเมริกัน
ข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ามีนักศึกษาชาวอินเดีย 422,335 คนในสหรัฐอเมริกาในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.8 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า

สมาคมอุตสาหกรรมไอทีของอินเดีย คือ Nasscom ระบุไม่นานหลังจากการประกาศครั้งแรกในวันศุกร์ว่ามีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการวีซ่าใหม่นี้

สมาคมระบุว่า "ความต่อเนื่องทางธุรกิจ" ของบริษัทเทคโนโลยีจะได้รับผลกระทบ และรีบชี้ให้เห็นว่าบริษัทไอทีของอินเดียมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไร และ "ไม่ได้หมายความว่า" เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง

ศัษวัถ วีเอส นักศึกษาวิศวกรรมเคมีวัย 20 ปีในเบงกาลูรู กล่าวว่าค่าธรรมเนียมใหม่นี้สูงเกินไปสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะพิจารณาให้การสนับสนุนผู้สมัครชาวต่างชาติ

“ตอนนี้ผมจะสำรวจประเทศอื่นๆ... การไปสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” ศัษวัถ ทกล่าว

เขากล่าวว่าหลายคนที่เหมือนเขาอาจพยายามหาที่อื่น เช่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

เขากล่าวว่า ชาวอินเดีย “มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่ไปที่นั่นหรือคนที่ทำงานที่นั่น”

“ดังนั้นพวกเขา (สหรัฐอเมริกา) ก็จะได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

การปราบปรามผู้อพยพ
ทรัมป์เล็งโครงการ H-1B ไว้ตั้งแต่สมัยแรกที่เขาดำรงตำแหน่ง และการออกวีซ่าในปัจจุบันกลายเป็นมาตรการล่าสุดในการปราบปรามผู้อพยพครั้งใหญ่ในสมัยที่สองของเขา

บริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ต้องพึ่งพาแรงงานชาวอินเดียที่ย้ายถิ่นฐานไปยังสหรัฐอเมริกาหรือเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศ

อุตสาหกรรมเอาท์ซอร์สขนาดใหญ่ของอินเดียเองก็พึ่งพาใบอนุญาตทำงานมานานหลายทศวรรษ แม้ว่าความต้องการจะอ่อนตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม

ผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างบริษัท Tata Consultancy Services เพียงรายเดียวได้รับการอนุมัติวีซ่า H-1B มากกว่า 5,000 ฉบับในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2568

ซาฮิล ผู้จัดการอาวุโสวัย 37 ปีของบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่งในอินเดีย เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้วหลังจากพำนักอยู่ที่นั่นด้วยวีซ่า H-1B เป็นเวลาเกือบเจ็ดปี

“ผมบอกได้เลยว่าคนทุก ๆ คนที่สองหรือสามในภาคไอทีต่างใฝ่ฝันที่จะตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาหรือเดินทางไปทำงาน” ซาฮิล กล่าว

“เราจะเห็นชาวอินเดียอพยพมายังสหรัฐอเมริกาน้อยลงในอนาคต ซึ่งอาจหมายความว่าคนเหล่านั้นจะเริ่มมองหาประเทศอื่น ๆ”

Agence France-Presse

Photo - สมาชิกสมาคมการค้าถือโปสเตอร์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตะโกนคำขวัญระหว่างการประท้วงการขึ้นภาษีศุลกากรอินเดียที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ กรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568  (ภาพโดย Arun SANKAR / AFP)

TAGS: #อินเดีย #วีซ่า #ทรัมป์