โกตัม อดานี เศรษฐีเบอร์หนึ่งอินเดียคว้าดีลประมูล รื้อสลัมใหญ่สุดของเอเชียพัฒนาอสังหาหรู
บลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือของนายโกตัม อดานี (Gautam Adani) ชนะการประกวดราคาสำหรับโครงการที่รัฐบาลเมืองมุมไบ เปิดให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่ย่านสลัมดาราวี ด้วยมูลค่า 5.07 หมื่นล้านรูปี หรือราว 620 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 21,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในสลัมที่ใกล้ที่สุดของเอเชีย กลายมาเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของเมือง
สลัมดาราวี ในนครมุมไบ ถือเป็นสลัมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกหลังสลัมดังกล่าวถูกนำไปเล่าเป็นเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ดังเรื่อง สลัมด็อก มิลเลียนแนร์ (Slumdog Millionaire) เมื่อปี 2008 โดยถือเป็นหนึ่งในสลัมที่ใหญ่ที่สุดของอเอเชียเป็นอันดับ 3 ของโลก มีผู้คนอาศัยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน เป็นทั้งแหล่งทำงานและที่พักอาศัยของผู้คนยากจนจำนวนมาก ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดที่ดึงดูุดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยเช่นกัน
สำหรับสลัมดาราวี มีขนาดพื้นที่ราว 2.4 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้กับบันดรา กูร์ลา คอมเพล็กซ์ (Bandra Kurla Complex) ซึ่งเป็นย่านแห่งการใช้ชีวิตหรูหราที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า สถานทูต และธนาคาร รวมถึงสำนักงานของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค (JPMorgan Chase & Co.) จึงทำให้ที่ผ่านมาทำเลที่ดินของสลัมแห่งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในทำเลทองที่มีศักยภาพด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของนครมุมไบ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าแผนการพัฒนาของสลัมดาราวีภายใต้ทุนของอดานีจะเป็นเช่นไร โดยหน่วยงานด้านการพัฒนาเมืองของนครมุมไบ Mumbai Metropolitan Region Development Authority (MMRDA) พยายามต่อสู้มานานหลายสิบปีเพื่อพัฒนาพื้นที่สลัม แต่ยังติดปัญหาเนื่องจาก การปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว จะต้องบรรลุหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญคื จัดหาที่ดินขนาดใหญ่พร้อมสร้างที่อยู่ใหม่เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ ขณะเดียวกันการทำให้ผู้อยู่อาศัยและทำงานในพื้นที่สลัมขนาดใหญ่เช่นนี้ยอมย้ายออกจากพื้นที่
บลูมเบิรก์คาดว่า กลุ่มบริษัทอดานีมีแผนจะเปลี่ยนย่านสลัมดาราวีให้เป็นพื้นที่อพาร์ตเมนต์ สำนักงานให้เช่า ที่พักอาศัยหรู และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มอดานีจะมีความสามารถในการระดมเงินทุนกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ได้อย่างไร เนื่องจากช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมากลุ่ม ฮินเดินเบิร์ก รีเสิร์ช (Hindenburg Research) หนึ่งในบริษัทในเครือของอดานี เผชิญข้อกล่าวหาปั่นหุ้น ปลอมแปลงบัญชี และเลี่ยงภาษี จนทำให้ฮินเดนเบิร์กต้องขายชอร์ตหุ้นอดานีเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาในมูลค่ากว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟูสู่ระดับก่อนการเกิดข้อกล่าวหา