เนื่องจากเห็นสำนักข่าวบางแห่งอ้างว่า จีนคิดจะสนับสนุนให้'นโรดม จักราวุธ' เชื้อพระวงศ์กัมพูชา มาเป็นผู้ปกครองกัมพูชาแทนที่ 'ตระกูลฮุน' โดยให้เหตุผลว่าพวกฮุนควบคุมได้ยาก และสร้างปัญหาบ่อยครั้ง
และอ้างว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาพบปะกับ 'นโรดม จักราวุธ'
ผมไม่อาจจะฟันธงได้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่จะให้เหตุผลคัดค้านไว้ดังนี้
ก่อนอื่นเราต้องทำความรู้จักก่อนว่า 'นโรดม จักราวุธ' คือใคร?
'นโรดม จักราวุธ' เป็นโอรสองค์โตของ 'นโรดม รณฤทธิ์' และ 'นโรดม รณฤทธิ์' เป็นโอรสองค์โตของ 'นโรดม สีหนุ'
สีหนุเป็นกษัตริย์กัมพูชาที่ลงมาเล่นการเมืองโดยเป็นหัวหน้าพรรค FUNCINPEC คนแรก รณฤทธิ์เป็นเจ้าเชื้อพระวงศ์ก็ลงมาเล่นการเมืองในฐานะหัวหน้าพรรค FUNCINPEC คนที่สาม เมื่อรณฤทธิ์สิ้นไป ลูกชายคือจักราวุธก็รับตำแหน่งหัวพรรคคนที่ล่าสุด
ปัจจุบัน FUNCINPEC ไม่มีบทบาททางการเมือง ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง เพราะอำนาจและตำแหน่งเกือบทั้งหมดอยู่ในมือพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของตระกูลฮุน
เจ้ารณฤทธิ์กับฮุน เซน นั้นเคยอำนาจร่วมกันในฐานะ "นายกรัฐมนตรีคู่" ระหว่างปี 1993–1997 แต่แตกหักกันในปี 1997 จนเจ้ารณฤทธิ์ต้องลี้ภัย แม้จะกลับมาได้อีกครั้งและเล่นการเมืองอีกคราในปี 2008 แต่ก็ไม่มีบทบาทอะไรแล้ว จนกระทั่งเสียชีวิตไปและตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็ตกมาถึงเจ้าจักราวุธ
เจ้าจักราวุธนั้นยิ่งไม่มีอำนาจบารมีอะไรเลย เป็นแค่ "เจว็ด" ที่สืบทอดพรรค FUNCINPEC อันเป็นการเมืองสายเจ้า (เจ้ารณฤทธิ์เคยกล่าวว่า เพื่อรักษาราชอาณาจักรกัมพูชาไว้ จะต้องมีพรรคการเมืองที่สนับสนุนกษัตริย์)
ที่ยังอยู่ดีได้ทุกวันนี้ก็เพราะไม่ได้ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับฮุน เซน
เอาแค่เหตุผลเหล่านี้ ผมก็ไม่เห็นว่าเจ้าจักราวุธจะเป็นตัวแทนทางการเมืองให้ใครได้
ประการแรก เขาไม่มีอำนาจ ไม่มีเครือข่าย ไม่มีกำลังทหาร ไม่มีทุนรอน ไม่มีอะไรเลย! มีแต่สถานะเชื้อพระวงศ์ชั้นกลางๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์ในกัมพูชา ซึ่งเชื้อพระวงศ์หมดความนิยมและไม่มีบารมี
ประการที่สอง แม้นสมมติว่าตระกูลฮุนจะถูกโค่นล้มโดยอำนาจภายนอกก็ตาม กัมพูชาจะวุ่นวายถึงที่สุด ถึงจะตั้งเจ้าจักราวุธเป็นผู้ปกครองใหม่ แต่เพราะเขาไม่มีต้นทุนอะไรเลยทางการเมือง เขาก็จะถูกโค่นล้มโดยเครืออำนาจอื่นๆ ในกัมพูชา เช่น ตระกูลเตีย หรือแม้แต่พลังฝ่ายค้านที่นำโดย สม รังสี
ประการที่สี่ เรื่องจากการตั้งเจ้าจักราวุธจะทำให้กัมพูชาเกิดสงครามกลางเมือง จีนจะไม่มีวันทำแบบนั้นเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่จีนต้องการคือเสถียรภาพของกัมพูชาในฐานะหมุดหมายของจีนในภูมิรัฐศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประการที่ห้า ที่สำคัญคือ "พวกฮุนยังไว้ใจได้" ในสายตาของจีน เนื่องจากอำนาจการเมืองไม่สั่นคลอน มีอำนาจควบคุมสื่อ มีอำนาจบงการทุน ประชาชนเชื่อถือและเชื่อมั่น แม้จะล้มเหลวในสงครามกับไทย แต่ "สาลิกาลิ้นทอง" ของพวกฮุนยังทำงานได้ดี ประชาชนจึงเชื่อว่ากัมพูชายังแข็งแกร่ง หากฮุนยังแกร่งและเอื้ออำนวยวาระของจีน แล้วแล้วจีนจะโค่นไปทำไม?
ทั้งห้าประการนี้เป็นปัจจัยภายในของกัมพูชา
ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวที่กับซึ่งถูกอ้างว่า "เป็นเหตุผลที่แสดงว่าจีนสนับสนุนจักราวุธ"
นั่นคือการอ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาพบกับเจ้าจักราวุธ
ในข้อนี้ผมสังเกตเห็นว่า การพบปะของเจ้าจักราวุธกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งและเกิดขึ้นเกือบจะทุกปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เช่น เมื่อปี 2566 หลัวเจี้ยนเชา (刘建超) รัฐมนตรีว่าการกิจการการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนพบปะกับเจ้าจักราวุธ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปีนี้
ปี 2567 ฉวี่ชิงซาน (曲青山) สมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) นำคณะผู้แทน CPC เยือนกัมพูชา นาย Qu ซึ่งเป็น ได้พบกับ ฮุน เซน พบกับ ปราก โสคน และเจ้าจักราวุธ และยังมีคนอื่นๆ อีก นี่แสดงว่าไม่มีลับลมคมในอะไร (อีกทั้ง ฉวี่ชิงซาน ยังเป็นหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์พรรคและวรรณกรรมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงไม่น่าจะมีนัยการเมืองมากนักในการพบกันครั้งนี้)
ในปี 2568 เฉินโจว (陈洲) รัฐมนตรีว่าการกิจการการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนล่าสุดพบปะกับเจ้าจักราวุธเช่นกัน แต่ก่อนจะพบกับเจ้าจักราวุธ แต่คราวนี้เฉินโจวไปพบกับพรรค CPP เป็นหลักเพราะเป็นคนเชิญเขามา โดยการพบปะครั้งนี้มีทั้งฮุน มาเนต เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค CPP และเจ้าจักราวุธอยู่พร้อมกัน
แต่การพบปะกันเหล่านี้ผมเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ
ประการแรก การพบกับเจ้าจักราวุธนั้นไม่ได้พบโดยลำพัง แต่เจ้าหน้าที่จีนมักจะไปพบกับรัฐบาลฮุนด้วย
ประการที่สอง การพบปะของเจ้าหน้าที่จีนกับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มิใช่รัฐบาลสามารถเกิดขึ้นได้ และไม่ได้หมายความว่าจีนสนัสนุนฝ่ายน้ัน
หาไม่แล้วการที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (อดีต) หัวหน้า (อดีต) พรรคก้าวไกลไปงานวันชาติจีนและพบกับเอกอัครราชทูตจีนเมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็คงหมายความว่าจีนสนับสนุนคุณพิธาแล้วกระมัง?
การที่จีนไปพบกับเจ้าจักราวุธและเจ้าจักราวุธก็ไปพบกับเจ้าหน้าที่จีนไม่ได้แปลว่าทั้งสองฝ่ายมีความเสน่หาต่อกันทางการเมือง
แต่อาจเป็นเพราะความสนิทสนมกันระหว่างเจ้าตระกูลนโรดมที่เคยไปอยู่จีนมานานตั้งแต่สมัยเจ้าสีหนุ แม้ว่าเจ้าจักราวุธจะไม่ค่อยใกล้ชิดจีนเพราะต้องลี้ภัยไปฝรั่งเศส แต่ก็ยังถือว่าเป็นพวกนโรดมที่จีนใกล้ชิดอย่างมาก และหากเป็นเพราะจักราวุธห่างจากจีนกว่านโรดมคนอื่นๆ ก็มีเหตุผลดังนี้ให้จีนต้องเข้ามาตีสนิทด้วยอยู่ดี
แม้จะไม่เอ่ยถึงความสัมพันธ์โดยตรงกับตระกูลนโรดม จีนก็จะกล่าวถึงพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของพวกนโรดม อย่างที่ หลิวเจี้ยนเชา "กล่าวชื่นชมพรรค FUNCINPEC อย่างสูงที่ยึดมั่นในนโยบายมิตรภาพต่อจีนที่ริเริ่มโดยเจ้านโรดม สีหนุ เขายังแสดงความเต็มใจของฝ่ายจีนที่จะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับพรรค FUNCINPEC เพื่อส่งเสริมการสืบทอดและพัฒนาความสัมพันธ์จีน-กัมพูชา"
เจ้าจักราวุธตอบในนามพรรคโดย "แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนระยะยาวจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลจีนต่อราชวงศ์กัมพูชา"
เห็นไหมครับว่าเขามองว่า FUNCINPEC และพระวงศ์เจ้านโรดมเป็น "สายใยเชื่อมโยงจีน-กัมพูชา" ไม่ใช่ตัวเลือกที่จะใช้ก่อความวุ่นวายในกัมพูชา
แต่จีนจะสนิทกับพวกนโรดมด้วยเหตุผลหรือไม่นั้นผมไม่มีข้อมูลพอที่จะวิเคราะห์
แต่สามารถวิเคราะห์จากแนวนโยบายการต่างประเทศของจีนเองด้วย ที่ยืนยันมาตลอดว่า "ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น" หากเป็นไปตามหลักการนี้จีนยิ่งไม่มีแนวทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบอบการปกครอง (Regime change) ในประเทศใดๆ รวมถึงกัมพูชา
แม้จีนคิดจะทำ Regime change จริง แต่จีนไม่ถนัดในเรื่องนี้เท่ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเชี่ยวชาญอย่างมากในการโค่นล้มรัฐบาลประเทศหนึ่งๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตน แล้วตั้งระบอบใหม่ที่เป็นคุณต่อตนเอง
และที่ยิ่งไปกว่านั้น Regime ของตระกูลฮุนนั้นเป็นคุณต่อจีนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ อีก
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - គណបក្ស ហ៊្វុនស៊ិនប៉ិច/ Funcinpec Party / Facebook