ข้อมูลเบื้องหลังสถานการณ์
ช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) เป็นช่องแคบที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวโอมานทางตะวันออกเฉียงใต้กับอ่าวเปอร์เซียทางตะวันตกเฉียงใต้ ฝั่งทางตอนเหนือเป็นประเทศอิหร่าน ทางตอนใต้เป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแหลมมุซันดัมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโอมาน ช่องแคบส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 54 กิโลเมตร
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นทางออกทางมหาสมุทรทางเดียวของบริเวณส่วนใหญ่ของประเทศที่ส่งปิโตรเลียมออกในอ่าวเปอร์เซีย จากข้อมูลขององค์การว่าด้วยข้อมูลด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกากล่าวว่าโดยถัวเฉลี่ยในแต่ละวันจะมีเรือบรรทุกน้ำมัน 15 ลำที่บรรทุกน้ำมันราว 16.5 ถึง 17 ล้านบาร์เรลที่เดินทางออกจากช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในโลก
ทั้งนี้ การขนส่งน้ำมันจากช่องแคบเป็นจำนวน 40% ของการขนส่งทางเรือทั้งหมด และ 20% ของการขนส่งน้ำมันทั่วโลก และจากข้อมูล ณ ปี 2019 ก๊าซธรรมชาติเหลวของโลกหนึ่งในสามและการบริโภคน้ำมันทั่วโลกเกือบ 25% ถูกส่งผ่านช่องแคบ ทำให้เป็นที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการค้าระหว่างประเทศ
ช่องแคบนี้เป็นเป้าหมายของสงคราม
สงครามอิหร่าน-อิสราเอล-สหรัฐฯ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้การส่งพลังจากช่องแคบฮอร์มุซตกอยู่ในความเสี่ยง ในระหว่าง "สงครามเรือบรรทุกน้ำมัน" (Tanker War) ในสงครามอิหร่าน-อิรัก อิรักได้ทำการโจมตีคลังน้ำมันและเรือบรรทุกน้ำมันที่เกาะคาร์กของอิหร่านเมื่อต้นปี 1984 เป้าหมายของซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรักในขณะนั้นก็เพื่อยั่วยุให้อิหร่านตอบโต้ด้วยมาตรการที่รุนแรง เช่น การปิดช่องแคบฮอร์มุซสำหรับการเดินเรือทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐเข้าแทรกแซง แต่อิหร่านจำกัดการโจมตีตอบโต้ให้เหลือแค่การเดินเรือของอิรักเท่านั้น ทำให้ช่องแคบยังเปิดอยู่
นเวลาต่อมา ความขัดแย้งได้โยกไปที่อิหร่านกับอิสราเอล และยืดเยื้อมาจนวันนี้ โดยที่อิหร่านมีเป้าหมายในใจแล้วว่าจะจัดการกับภัยคุกคามนี้อย่างไร เช่น เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2008 สำนักข่าว ISNA อ้างคำกล่าวของ อาลี ชิราซี ผู้ช่วยนักผู้นำศาสนาระดับกลางของอะยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านว่า "ระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) กำลังกดดันเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้โจมตีอิหร่าน หากพวกเขาทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ เทลอาวีฟและเรือบรรทุกน้ำมันของสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซียจะเป็นเป้าหมายแรกของอิหร่าน และพวกเขาจะต้องถูกเผาทั้งเป็น"
หลังจากที่สหรัฐฯ เข้าร่วมกับอิสราเอลโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในเดือนมิถุนายน 2025 ทำให้อิหร่านต้องตอบโต้ในทันทร โดยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2025 รัฐสภาอิหร่านลงมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซเพื่อตอบโต้การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านของสหรัฐฯ การตัดสินใจดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของสาธารณรัฐอิสลาม ณ เดือนมิถุนายน 2025 ช่องแคบนี้ไม่เคยถูกปิดเลยในช่วงที่เกิดความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
อิหร่านสามารถปิดฮอร์มุซได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2008 ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน โมฮัมหมัด อาลี จาฟารี กล่าวว่าหากอิสราเอลหรือสหรัฐฯ โจมตีอิหร่าน อิหร่านจะปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซและสร้างความหายนะให้กับตลาดน้ำมัน ต่อมารัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่านและเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่นๆ ก็ได้ขู่ว่าหากอิหร่านโจมตีจะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในอุปทานน้ำมันของโลก
พลเรือเอก เควิน คอสกริฟฟ์ ผู้บัญชาการกองเรือที่ 5 ของสหรัฐ ประจำการอยู่ที่บาห์เรน ฝั่งตรงข้ามอ่าวเปอร์เซียจากอิหร่าน เตือนว่า การกระทำดังกล่าวของอิหร่านจะถือเป็นการกระทำสงคราม และสหรัฐจะไม่ยอมให้อิหร่านยึดครองแหล่งน้ำมันเกือบหนึ่งในสามของโลกเป็นตัวประกัน
ต่อมาบทความในปี 2008 ใน International Security โต้แย้งว่าอิหร่านสามารถปิดกั้นหรือขัดขวางการจราจรในช่องแคบเป็นเวลาหนึ่งเดือน และความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะเปิดช่องแคบอีกครั้งอาจทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในฉบับหลัง วารสารฉบับดังกล่าวได้ตีพิมพ์คำตอบที่ตั้งคำถามถึงสมมติฐานสำคัญบางประการและแนะนำกรอบเวลาสั้นลงมากสำหรับการเปิดช่องแคบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ทราบดีว่าช่องแคบนี้เป็นไพ่ใบสำคัญของอิหร่าน และสหรัฐฯ ไม่อาจเอาชนะอิหร่านได้อย่างง่ายดายหากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น เช่นในปี 2002 มีปฏิบัติการ Millennium Challenge 2002 ซึ่งเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่กองทัพสหรัฐฯ โดยจำลองความพยายามของอิหร่านที่จะปิดช่องแคบ สมมติฐานและผลลัพธ์นั้นขัดแย้งกัน ในการซ้อมรบครั้งนี้พบว่า กลยุทธ์ของอิหร่านสามารถเอาชนะกองทัพสหรัฐฯ ที่เหนือกว่าอย่างมาก
ในเดือนธันวาคม 2011 กองทัพเรือสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้เริ่มการซ้อมรบเป็นเวลาสิบวันในน่านน้ำสากลตามช่องแคบ พลเรือเอกอิหร่าน ฮาบีบอลเลาะห์ ซายยารี กล่าวว่าจะไม่ปิดช่องแคบระหว่างการซ้อมรบ กองกำลังอิหร่านสามารถปิดช่องแคบได้อย่างง่ายดาย แต่การตัดสินใจดังกล่าวจะต้องทำในระดับการเมือง
พลเอกมาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม กล่าวเมื่อเดือนมกราคม 2012 ว่าอิหร่าน "ได้ลงทุนในศักยภาพที่สามารถปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง" เขายังกล่าวอีกว่า "เราได้ลงทุนในศักยภาพเพื่อให้แน่ใจว่าหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น เราก็สามารถเอาชนะสิ่งนั้นได้"
ในแง่ของกฎหมายระหว่างประเทศ มีบทความในเดือนพฤษภาคม 2012 โดย นิลูเฟอร์ โอราล นักวิจัยกฎหมายทางทะเลชาวตุรกี สรุปว่าทั้ง UNCLOS และอนุสัญญาว่าด้วยทะเลหลวงปี 1958 จะถูกละเมิดหากอิหร่านยังคงคุกคามที่จะปิดกั้นการเดินเรือ เช่น เรือบรรทุกน้ำมัน และการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ บทความยังระบุเพิ่มเติมว่ารัฐชายฝั่งสามารถป้องกัน "การผ่านแดนหรือการผ่านแดนโดยสุจริตที่ไม่อาจระงับได้" ได้ก็ต่อเมื่อ: 1) มีการคุกคามหรือใช้กำลังจริง ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการผ่านแดน เพื่อต่อต้านอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน หรือเอกราชทางการเมืองของรัฐที่อยู่ติดกับช่องแคบ หรือ 2) เรือลำนั้นละเมิดหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศตามที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติด้วยวิธีอื่นใด
ณ ปี 2013 สนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการลงนามโดยประเทศต่างๆ ทั้งหมด 63 ประเทศ รวมถึงประเทศในกลุ่มนาโตและกลุ่มโซเวียตส่วนใหญ่ แต่มีข้อยกเว้นที่สำคัญคือประเทศในกลุ่มโอเปกและสันนิบาตอาหรับส่วนใหญ่ เช่น ซีเรีย อียิปต์ จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน รวมทั้งจีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด
เพื่อที่แสวงหาทางเลือกอื่นในเดือนมิถุนายน 2012 ซาอุดีอาระเบียได้เปิดท่อส่งน้ำมันอิรักผ่านซาอุดีอาระเบีย (IPSA) อีกครั้ง ซึ่งถูกยึดมาจากอิรักในปี 2001 และส่งต่อจากอิรักผ่านซาอุดีอาระเบียไปยังท่าเรือในทะเลแดง ท่อส่งนี้จะมีกำลังการผลิต 1.65 ล้านบาร์เรล (262,000 ม3) ต่อวัน
ในเดือนกรกฎาคม 2012 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มใช้ท่อส่งน้ำมันฮับชาน-ฟูไจราห์แห่งใหม่จากแหล่งฮับชานในอาบูดาบีไปยังคลังน้ำมันฟูไจราห์ในอ่าวโอมาน โดยหลีกเลี่ยงช่องแคบฮอร์มุซได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่อส่งนี้มีกำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 2 ล้านบาร์เรล (320,000 ม3) ต่อวัน ซึ่งมากกว่าสามในสี่ของอัตราการผลิตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2012
นอกจากนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังเพิ่มกำลังการผลิตในการจัดเก็บและขนถ่ายน้ำมันของฟูไจราห์อีกด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังสร้างคลังน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ฟูไจราห์ ซึ่งมีความจุ 14 ล้านบาร์เรล (2,200,000 ลูกบาศก์เมตร) เพื่อส่งเสริมการเติบโตของฟูไจราห์ในฐานะศูนย์กลางการค้าและน้ำมันของโลก เส้นทางฮับชาน-ฟูไจราห์ช่วยรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และมีข้อได้เปรียบคือเป็นท่อขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินซึ่งถือเป็นรูปแบบการขนส่งน้ำมันที่ถูกที่สุดและยังช่วยลดต้นทุนการประกันภัยเนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันจะไม่เข้าสู่อ่าวเปอร์เซียอีกต่อไป
ในบทความในวารสาร Foreign Policy เมื่อเดือนกรกฎาคม 2012 กัล ลุฟต์ พันโทในกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล และยังเป็นผู้อำนวยการบริหารของสถาบันวิเคราะห์ความมั่นคงระดับโลก ผู้ก่อตั้งร่วมของ Set America Free Coalition ได้เปรียบเทียบอิหร่านและช่องแคบฮอร์มุซกับจักรวรรดิออตโตมันและช่องแคบดาร์ดะแนลเลส ซึ่งเป็นจุดที่การขนส่งธัญพืชของรัสเซียต้องหยุดชะงักเมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน เขาระบุว่าความตึงเครียดที่เกี่ยวข้องกับช่องแคบฮอร์มุซทำให้ผู้ที่ต้องพึ่งพาการขนส่งจากอ่าวเปอร์เซียในปัจจุบันต้องมองหาทางเลือกในการขนส่งอื่น เขากล่าวว่าซาอุดีอาระเบียกำลังพิจารณาสร้างท่อส่งน้ำมันใหม่ไปยังโอมานและเยเมน และอิรักอาจฟื้นท่อส่งน้ำมันอิรัก-ซีเรียที่ไม่ได้ใช้งานแล้วเพื่อขนส่งน้ำมันดิบไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลุฟท์กล่าวว่าการลดการขนส่งน้ำมันจากฮอร์มุซ "ทำให้ชาติตะวันตกมีโอกาสใหม่ในการเสริมกลยุทธ์ควบคุมอิหร่านที่มีอยู่ในปัจจุบัน"
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เขียนขึ้นก่อนที่เยเมนจะตกอยู่ในความวุ่นวานของสงครามกลางเมือง และถูกควบคุมโดยกลุ่มฮูษี ซึ่งเป็นพันธมิตรขิงอิหร่านทั้งยังเป็นปฏิปักษ์สำคัญของซาอุดีอาระเบียและอิสราเอล
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - Goran_tek-en