ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตือนอิหร่านว่าอย่าตอบโต้ หลังสหรัฐฯ โจมตีฐานผลิตอาวุธนิวเคลียร์หลักของประเทศ โดยทรัมป์กล่าวว่าเป็น "ความสำเร็จทางการทหารครั้งยิ่งใหญ่"
ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียหลังกล่าวสุนทรพจน์ต่อประเทศจากทำเนียบขาวว่า "การตอบโต้ของอิหร่านต่อสหรัฐฯ จะถูกตอบโต้ด้วยกำลังที่รุนแรงกว่าที่เห็นในคืนนี้มาก"
นอจกากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ได้ทำลายโรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ของอิหร่านจนหมดสิ้น และขู่ว่าจะโจมตีอีกหากเตหะรานไม่เจรจาสันติภาพ
“อิหร่านจะต้องสงบสุขหรือประสบโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่กว่าที่เราเห็นในช่วงแปดวันที่ผ่านมา โปรดจำไว้ว่ายังมีเป้าหมายอีกมากมายที่เหลืออยู่” ทรัมป์กล่าวในคำปราศรัยต่อประเทศชาติเมื่อคืนนี้
“หากสันติภาพไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจะโจมตีเป้าหมายอื่นๆ ด้วยความแม่นยำ รวดเร็ว และทักษะ”
ด้นหน่วยงานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านกล่าวว่าประเทศอิหร่านจะดำเนินกิจกรรมนิวเคลียร์ต่อไป แม้ว่าสหรัฐฯ จะโจมตีโรงงานสำคัญก็ตาม
“องค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่านรับรองกับชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ว่า แม้จะมีแผนการชั่วร้ายของศัตรู ... แต่ก็จะไม่ยอมให้เส้นทางการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (นิวเคลียร์) ซึ่งเป็นผลจากเลือดของผู้พลีชีพเพื่อนิวเคลียร์ ต้องถูกหยุดลง” องค์การดังกล่าวระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยสื่อของรัฐ
ทั้งนี้ องค์กรพลังงานปรมาณูของอิหร่านยังประณามการโจมตีของสหรัฐฯ ต่อสถานที่นิวเคลียร์สำคัญๆ รวมถึงฟอร์โด ซึ่งฝังอยู่ใต้ภูเขา ว่าเป็นการกระทำที่ "โหดร้าย" และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
"เมื่อรุ่งสางของวันนี้ สถานที่นิวเคลียร์ของประเทศในฟอร์โด นาทันซ์ และอิสฟาฮาน ถูกศัตรูของอิหร่านที่นับถือศาสนาอิสลามโจมตี ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ" องค์กรดังกล่าวระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ทางสื่อของรัฐ
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลแสดงความยินดีกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ประธานาธิบดีกล่าวว่ากองทัพสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน
“ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ การตัดสินใจอันกล้าหาญของคุณในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยพลังอำนาจที่น่าเกรงขามและชอบธรรมของสหรัฐฯ จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์” เนทันยาฮูกล่าวในข้อความวิดีโอ พร้อมเสริมว่าการโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า “อเมริกาเหนือกว่าใครอย่างแท้จริง”
เนทันยาฮูกล่าวเสริมว่าทรัมป์ได้สร้าง “แกนหลักของประวัติศาสตร์” ที่ “จะช่วยนำตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่น ๆ ไปสู่อนาคตแห่งความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพ”
Agence France-Presse
Photo - TOPSHOT - แม่ของเหยื่อรายหนึ่งจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านซึ่งทำลายอาคารสามชั้นในเมืองทามราทางภาคเหนือของอิสราเอล-อาหรับ กำลังได้รับการปลอบโยนระหว่างงานศพในเมืองทามราทางภาคเหนือของอิสราเอล-อาหรับ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2025 (ภาพถ่ายโดย JOHN WESSELS / AFP)