สงครามของ 'ผู้ชายขายน้ำ' การหักเหลี่ยมของคนรวยที่สุดในจีนสองคน

สงครามของ 'ผู้ชายขายน้ำ' การหักเหลี่ยมของคนรวยที่สุดในจีนสองคน

'จงสานส่าน' คือบุคคลที่รวยที่สุดในจีนจากธุรกิจน้ำแร่ 'หนงฟู'แต่เบื้องหลังความสำเร็จของเขาถูกตั้งคำถามจากชาวจีนเรื่อง 'ความมีคุณธรรม'โดยเฉพาะการที่เขาถูกกล่าวหาว่าหักหลังผู้ที่เคยช่วยเหลือเขามาก่อน คือ จงชิ่งโห้ว ผู้ก่อตั้งบริษัทวาฮาฮาฮา ซึ่งเป็นบริษัทครื่องดื่มชั้นนำของจีน

กรณีอื้อฉาวนี้สามารถติดตามรายละเอียดได้ในรายงานพิเศษ "ทำไมคนจีนถึงเกลียด 'จงสานส่าน' คนที่รวยที่สุดในประเทศ"

แต่เบื้องหลังการหักเหลี่ยมระหว่าง จงสานส่าน กับ จงชิ่งโห้ว ยังมีอะไรที่ตื่นเต้นมากกว่านั้น ถือเป็นกรณีศึกษาการชิงไหวชิงพริบทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า บริษัทวาฮาฮา เป็นเจ้ายุทธจักรกิจการน้ำดื่มมาก่อน แล้วต่อมาหนงฟูจึงถือกำเนิดขึ้นมา สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ วาฮาฮาเป็นน้ำเปล่าที่ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ ส่วนหนงฟูเป็นผลิตภันฑ์น้ำแร่ภูเขา

ความจริงน้ำทั้งสองน้ำไม่น่าจะเป็นศัตรูกันโดยตรง แต่เพราะ จงสานส่าน ต้องการชิงส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดมาไว้ในกำมือ

ในช่วงทศวรรษที่ 90 คนจีนเริ่มคุ้นเคยกับการกิน 'น้ำใส่ขวด' นั่นคือน้ำเปล่าบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการกรอง แต่หลังจากนั้นไม่นาน บริษัทหย่างเซิงถัง ของ จงสานส่าน ซึ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำแร่ภูเขาหนงฟู เริ่มปฏิบัติการชิงตลาดจากน้ำเปล่า 

เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2543 จงสานส่าน ได้ประกาศในงานแถลงข่าวเพื่อบอกว่าการทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ว่าการดื่มน้ำเปล่าเป็นเวลานานไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ และบอกว่าต่อไปนี้บริษัทของเขาจะผลิตแต่ "น้ำแร่หนงฟู"  เท่านั้นไม่มีน้ำเปล่าอีกต่อไป

นี่คือการเปิดศึกระหว่างน้ำแร่ที่นำโดยหนงฟู กับน้ำเปล่าที่นำโดยวาฮาฮา

เมื่อประกาศทำสงครามแล้ว ก็ต้องเริ่มรบในทันที พร้อมๆ กันนั้น บริษัทของ จงสานส่าน ได้เปิดตัวโฆษณาในสถานีโทรทัศน์แห่งชาติและช่องทีวีระดับมณฑลเพื่อโปรโมทว่าน้ำแร่ดีกว่าน้ำเปล่าตรงไหน

วิธีการของเขาก็คือ เขาใช้ดอกแดฟโฟดิล หรือดอกจุ้ยเซียน/สุ่ยเซีน (水仙花) ที่ปลูกในน้ำธรรมชาติกับที่ปลูกในน้ำแร่มาเทียบกันว่าแบบไหนจะเติบโตเร็วกว่านั้น ในโฆษณานี้ปรากฎว่าดอกจุ้ยเซียนที่เลี้ยงในน้ำแร่เติบโตเร็วกกว่ามาก 

เราจะเห็นว่าวิธีการของ จงสานส่าน ก็คือใช้การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อชักชวนให้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจ 

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมของปีเดียวกัน บริษัทของจงสานส่าน ได้จัดโครงการ "เยาวชนทั่วประเทศที่มุ่งมั่นเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย" (全国青少年争当小小科学家) ในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษามากกว่า 2,700 แห่งทั่วประเทศ เนื้อหากิจกรรมเฉพาะคือการดำเนินการทดลองเปรียบเทียบทางชีวภาพโดยใช้น้ำแร่ธรรมชาติและน้ำบริสุทธิ์ เพื่อพิสูจน์ว่า “น้ำแร่ธรรมชาติ” มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าน้ำเปล่า

นี่คือการตอกย้ำอีกครั้งว่า จงสานส่าน ต้องการกำจัดคู่แข่งด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเสียด้วย เพราะจีนปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ ที่เชื่อในลัทธิวัตถุนิยม และการพิสูจน์ที่เป็นวัตถุวิสัย (จับต้องได้) และยังไม่สนับสนุน "ความเชื่อที่เลื่อนลอย" 

เจอไม้นี้เข้า คู่แข่งที่เป็นบริษัทน้ำเปล่าจะแก้ลำอย่างไร? 

ปรากฎว่า ผู้ผลิตน้ำเปล่าตัดสินใจผนึกกำลังเพื่อต่อสู้กลับ  โดยตัวแทนของบริษัทน้ำเปล่า 6 แห่งนำโดยบริษัทวาฮาฮาได้ยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 หน่วยงาน รวมถึงสำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งรัฐ และสำนักงานสาธารณสุข

แต่หลักใหญ่ๆ ก็คือ วาฮาฮาและพันธมิตรร่วมกันฟ้องหนงฟูในข้อหาแข่งขันโดยไม่เป็นธรรม

ดูเหมือนว่าวาฮาฮาจะเลือกใช้นิติศาสตร์ในการสวนกลับ แต่ในเมื่อพวกเขาถูกโจมตีด้วยหลักวิทยาศาสตร์ วาฮาฮาก็ใช้มันตอบโต้หนงฟูด้วย 

ในเวลาต่อมา วาฮาฮาปล่อยโฆษณาเปรียบเทียบน้ำเปล่ากับน้ำแร่ในการเลี้ยงปลาทอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าน้ำเปล่าปลอดภัยกว่าน้ำแร่

และในเวลาเดียวกันก็ยังมีข่างลือแพร่สะพัดว่า พบแบคทีเรียอันตรายในน้ำแร่หนงฟู แต่หนงฟูตอบโต้ว่าคนปล่อยข่าวอาจจะเป็นวาฮาฮา จากนั้นหนงฟูก็อัดโฆษณาเข้าไปอีก 

และมีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารอย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กัน โดยชี้ว่าแม้ว่าน้ำเปล่าจะกรองสารแขวนลอย แบคทีเรีย และสารอันตรายอื่นๆ ออกไป แต่กระบวนการนี้ยังกรองโพแทสเซียม เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุอื่นๆ และแร่ธาตุอนินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในน้ำอีกด้วย ทำให้น้ำเปล่ามีแร่ธาตุที่จำเป็นน่อยเกินไป และการดื่มน้ำเปล่าที่กรองบริสุทธิ์เป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์

แต่ในที่สุด หนงฟูเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในแง่กฎหมาย ต้องจ่ายเงินค่าปรับ 200,000 หยวน 

หนงฟูยังแพ้ในแง่ธุรกิจ (ในระยะสั้น) เพราะยอดขายน้ำเปล่าของวาฮาฮา ในปี 2543 มีมูลค่าเกือบ 2,00 ล้านหยวน โดยมีส่วนแบ่งตลาด 25% อัตราการเติบโตมากกว่า 40% ต่อปี  ส่วนแบ่งการตลาดของน้ำเปล่าของวาฮาฮา  เคยสูงถึง 40%-60% จนเกือบจะอยู่ในสถานะผูกขาด

แต่ในระยะยาว ปรากฏว่า จงสานส่าน กลับเป็นผู้ชนะ เพราะเขาสามารถสั่งสมความมั่งคั่งจนกลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในจีนเป็นเวลา 4 ปี และปีล่าสุดเขาก็ยังครองตำแหน่งนี้ 

รายงานพิเศษโดย ทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ภาพจงสานส่าน จาก The Borderless World ภาพจงชิ่งโห้ว จาก CCTV中国中央电视台

TAGS: #จงสานส่าน #จงชิ่งโห้ว #หนงฟู #วาฮาฮา