ข้อมูลเบื้องหลัง
- เมื่อวันที่ 25 มีนาคม มีการเผยแพร่รายชื่อมหาเศรษฐีจีนผ่านการจัดอันดับ 'หูรุ่น' (胡润) หรือ Hurun Global Rich List ประจำปี 2024 ซึ่งเป็นการจัดอันดับความมั่งคั่งในจีนที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการอ้างอิงในวงกว้าง ในปีนี้ บุคคลที่รวยที่สุดในจีน ก็ยังคงเป็น จงสานส่าน (钟睒睒) แห่งบริษัทหนงฟูซานเฉวียน (Nongfu Spring) วัย 70 ปี ซึ่งครองตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดของจีนเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 4.50 แสนล้านหยวน แม้ว่าความมั่งคั่งของเขาจะลดลง 9% จากปีที่แล้วก็ตาม
- หวงเจิง (黄峥) ผู้ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซพินตัวตัว (Pinduoduo) อยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 3.85 แสนล้านหยวน ตามด้วยอันดับที่ 3 คือ หม่าฮว่าเถิง (马化腾) ผู้ก่อตั้งบริษัท Tencent แต่ความมั่งคั่งลดลง 10% จากปีที่แล้ว ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 2.50 แสนล้านหยวน ในขณะที่ หม่าหยุน (马云) หรือ แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา (Alibaba) หลุดจากคนรวยที่สุดสิบอันดับแรกของจีน
'จงสานส่าน' รวยขึ้นมาได้อย่างไร?
1. จงสานส่าน เคยทำงานเป็นช่างปูนปลาสเตอร์และช่างไม้ในช่วงปีแรกๆ หลังจากมีการเริ่มการสอบเข้าวิทยาลัยกลับมาอีกครั้งในปี 1977 (หยุดไปในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม) เขาสอบไม่ผ่านในการสอบเข้าวิทยาลัยเป็นเวลาสองปีติดต่อกัน ดังนั้นเขาจึงต้องลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยที่สอนผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาก็กลายเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ "เจ้อเจียงรายวัน"
2. ในปี 1988 เขาลาออกจาก "เจ้อเจียงรายวัน" และไปที่มณฑลไห่หนานเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ ในปี 1991 เขาได้กลายเป็นตัวแทนทั่วไปของวาฮาฮา (娃哈哈) บริษัทน้ำดื่มและเครื่องดื่มระดับชาติ ที่มณฑลไห่หนานและกว่างซีจ้วง ในปี 1993 เขาก่อตั้งบริษัหย่างเซิงถัง (养生堂) ด้วยเงินทุนของตนเอง และเปิดตัวผลิตภัณฑ์คือยาประเภทต่างๆ ในเดือนกันยายน 1996 เขาได้ก่อตั้งบริษัทน้ำดื่มเจ้อเจียงเชียนต่าวหู หย่างเซิงถัง (浙江千岛湖养生堂饮用水有限公司) และค่อยๆ ขยายไปสู่อุตสาหกรรมน้ำดื่มโดยเน้นแนวคิดเรื่อง "น้ำธรรมชาติ"
3. ในเดือนมิถุนายน 2001 บริษัทน้ำดื่มเจ้อเจียงเชียนต่าวหู หย่างเซิงถังได้ปรับโครงสร้างใหม่เป็นบริษัทน้ำแร่ภูเขาหนงฟู หรือ หนงฟูซานเฉวียน (农夫山泉股份有限公司) ในปีเดียวกันนั้น บริษัทแม่คือหย่างเซิงถัง ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทด้านไบโอเทค คือ ว่านไท่เซิงอู้ (万泰生物) และต่อมาได้เป็นผู้นำการวิจัยและพัฒนาวัคซีน HPV ชนิดไบวาเลนต์ของสำหรับมะเร็งปากมดลูก
4. หลังจากที่น้ำแร่หนงฟูเข้าสู่ตลอดหุ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2020 ราคาหุ้นก็พุ่งสูงขึ้น ทำให้ จงสานส่าน กลายเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนด้วยความมั่งคั่ง 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านทางทั้งสองบริษัท คือ ว่านไท่เซิงอู้ และ หนงฟูซานเฉวียน แต่เพราะราคาหุ้นตกลงมาชั่วครู่ในเวลาครึ่งชั่วโมง ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น "คนรวยที่สุดในจีนแค่ครึ่งชั่วโมง" แต่ปัจจุบัน เขากลับมาเป็นคนรวยที่สุดในจีนแบบถาวร และครองแชมป์นี้มานานถึง 4 ปีแล้ว
ทำไมชาวเน็ตจีนถึงได้เกลียด 'จงสานส่าน'?
เราจะเห็นว่าเส้นทางของ จงสานส่าน เกี่ยวข้องกับบริษัทวาฮาฮา ซึ่งเป็นยักษ์ด้านอาหารของประเทศ แต่ความเกี่ยวข้องนี้ไม่ธรรมดา เรื่องนี้กลายเป็นกรณีอื้อฉาวในโซเชียลมีเดียจีน หลังการเสียชีวิตของ จงชิ่งโห้ว (宗庆后) เจ้าของบริษัทวาฮาฮา เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024 ถึงขนาดโจมตี จงสานส่านว่า เป็นคน "เนรคุณ" และเป็นกรณี "ชาวนากับงูเห่า" อีกทั้งยังเปิดโปงเรื่องส่วนตัวของเขาที่อื้อฉาวเรื่องอื่นๆ กรณีนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของหนงฟูตกลงมา มูลค่าตลาดหุ้นหายไปมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง และยอดขายรายวันลดลงมากกว่า 90%
ชาวเน็ตจีนวิพากษ์วิจารณ์ข่าวลือที่ว่า ตอนที่ จงสานส่าน กำลังเริ่มต้นธุรกิจนั้น กิจการของเขาไปไม่รอด แต่ จงชิ่งโห้ว ได้ช่วยเหลือเขา แต่เขากลับขายสินค้าของฮาวาฮาด้วยราคาที่สูง จนทำให้ถูกไล่ออกจากบริษัท แล้วต่อมาเขาใช้เงินที่ได้มาจากการทำงานกับวาวาฮา สร้างบริษัทของตัวเขาเองขึ้นมา แล้วยังเป็นธุรกิจที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับวาฮาฮา ข่าวลือต่างๆ เหล่านี้ทำให้ จงสานส่าน ต้องมีบทความออกมาเผยแพร่ความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับ จงชิ่งโห้ว
แต่เรื่องนี้ยังไม่สาหัสเท่ากับข้อสังเกตของชาวเน็ตจีนที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ของหนงฟูคล้ายกับการออกแบบของญี่ปุ่น และกล่าวหาว่าบริษัทหนงฟูเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่น แถมชื่อ 'หนงฟู' ยังถูกบางคนตีความว่าจริงๆ แล้วเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ทำให้หนงฟูและ จงสานส่าน ถูกยัดข้อหาจากชาวจีนว่าเป็นพวก 'หลงไหลญี่ปุ่น' หรือ เม่ยรื่อ (媚日) ซึ่งเป็นคำด่าที่หมายคนที่ลืมรากเหง้าบรรพบุรษแล้วไปชื่นชมญี่ปุ่น ที่เป็นศัตรูทางประวัติศาสตร์ของประเทศจีน
หลังจากนั้นผู้ให้ข้อมูลเปิดเผยว่าลูกชายของ จงสานส่าน เป็นชาวอเมริกัน ซึ่งในเวลานี้เป็นประเทศคู่กรณีอันดับหนึ่งของจีน เป็นผลให้ผู้คนจำนวนมากตั้งคำถามเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของหนงฟู และมีคนตั้งคำถามว่า “ในขณะที่ (หนงฟู) สร้างรายได้จากชาวจีน ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้ลูก ๆ ของพวกเขากลายเป็นพลเมืองอเมริกัน” จนกระทั่งนำไปสู่แคมเปญ “เราควรคว่ำบาตรน้ำแร่หนงฟู!”
ผลก็คือ ผู้บริโภคไม่ยอมซื้อผลิตภัณฑ์ของหนงฟู และทำให้ร้านค้าไม่นำสินค้าไปขาย แล้วทำให้ยอดขายตกลงมาอย่างหนัก
จากรายงานของสำนักข่าวในจีน ยอดขายของ วาฮาฮา เพิ่มขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของ จงชิ่งโห้ว ในวันที่ 28 และ 29 กุมภาพันธ์ ยอดขายหน้าร้านทะลุ 500%
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของคู่แข่งคือหนงฟู ลดลงเป็นเวลา 5 วันติดต่อกันเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ในวันที่ 3 มีนาคม ยอดขายวันเดียวของหนงฟูอยู่ที่เพียง 50,000 หยวน ในขณะที่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ยอดขายวันเดียวเกิน 1 ล้านหยวน ลดลงมากกว่า 90%
กรณีนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความมั่งคั่งของ จงสานส่าน ปรับลดลงมาในปีนี้
แต่เขาก็ยังเป็นคนที่รวยที่สุดในจีนเหมือนเดิม
รายงานพิเศษ โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better