เบื้องหลังเหตุการณ์
- โจ ไบเดน แสดงอาการหลงๆ ลืมๆ มากขึ้น เช่น ให้คำอธิบายที่สับสนและวกไปวนมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดในตะวันออกกลาง กระทั่งลืมชื่อของกลุ่มฮามาส และเมื่อไบเดนตอบคำถามเกี่ยวกับฉนวนกาซาและอียิปต์โดยอ้างถึง “ประธานาธิบดีแห่งเม็กซิโก”
- ไบเดน หมิ่นเหม่ที่จะสร้างความร้าวฉานกับจีน โดยเผลอลืมนโยบาย "จีนเดียว" ของสหรัฐฯ โดยเห็นได้ชัดว่ามีอาการสับสนเมื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการป้องกันตนเองของไต้หวัน
- ไบเดน ผล็อยหลับไปในระหว่างการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ COP26 แต่เมื่อกลับประเทศแล้ว เขากลับดำเนินมาตรการที่เข้มข้นเพื่อจากการประชุม COP26 ทั้งๆ ที่เขจาหลับระหว่างการประชุม
- รายงานโดยที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ โรเบิร์ต เฮอร์ กล่าวถึงประธานาธิบดีวัย 81 ปีคนนี้ว่าเป็น “ชายสูงอายุที่มีความจำไม่ดี” และตั้งข้อสังเกตว่าประธานาธิบดีได้แสดงอาการ "ด้านการรับรู้ที่ลดลง" ในที่สาธารณะ
- การสำรวจล่าสุดพบว่า 76% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถทางร่างกายและจิตใจของประธานาธิบดีไบเดนใที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป
แพทริค มอร์ริสซีย์ อัยการสูงสุดของรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เรียกร้องให้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ ประกาศว่าโจ ไบเดน มีสภาพร่างกายที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีได้ นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักการเมืองคนล่าสุดที่แสดงจุดยืนเรียกร้องให้ ไบเดน หยุดการปฏิบัติหน้าที่
มอร์ริสซีย์ เรียกร้องให้แฮร์ริสประกาศใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 (25th Amendment) ต่อไบเดนและเข้ารับตำแหน่งแทนเขา โดยบทบัญญัติได้ระบุถึงการที่รองประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีหากประธานาธิบดีเสียชีวิต ลาออก หรือถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยการถูกกล่าวโทษ แต่ยังมีมาตราที่ 3 และ 4 ที่อนุญาตให้มีการโอนอำนาจประธานาธิบดีไปยังรองประธานโดยสมัครใจ เช่น จะต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ รองประธานาธิบดีจึงรับหน้าที่รักษาการประธานแทน โดยที่รองประธานาธิบดีไม่ได้เป็นประธานาธิบดีและประธานาธิบดียังคงอยู่ในตำแหน่งแม้ว่าจะไม่มีอำนาจก็ตาม
มอร์ริสซีย์ ชี้ถึงแง่มุมทางกฎหมายว่า "บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 ได้รับการออกแบบสำหรับช่วงเวลาเช่นนี้ “จุดประสงค์หลักของการแก้ไขคือเพื่อรักษาความสามารถทางสติปัญญาในทำเนียบขาวตลอดเวลา” (หมายถึงรักษาอำาาจในการตัดสินใจอย่างมีสติสัมปชัญญะของผู็นำประทศ) ในทำนองเดียวกัน ผู้สนับสนุนหลักของการแก้ไขในวุฒิสภาอธิบายว่ามาตรา 4 มีไว้สำหรับ “ความบกพร่องทางสติปัญญาของประธานาธิบดี” ที่อาจทำให้เขา “ไม่สามารถตัดสินใจหรือสื่อสารการตัดสินใจเกี่ยวกับความสามารถของเขาเองได้” และหัวหน้าผู้ร่างบทบัญญัติแก้กล่าวเน้นย้ำว่าบทบัญญัติแก้ดังกล่าวครอบคลุม “ทุกกรณีที่เงื่อนไขหรือพฤติการณ์บางประการขัดขวางไม่ให้ประธานาธิบดีใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่ของตน”
"เราต้องการประธานที่มีสภาพจิตใจปกติ คุณสมบัติที่ประธานาธิบดีต้องมีนั้นเป็นสิ่งที่เข้มข้น ซึ่งต้องการความชัดเจนในการรับรู้อย่างต่อเนื่อง เขามักได้รับการร้องขอให้ตัดสินใจเรื่องความเป็นความตายโดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย และหากอยู่ในมือของคนผิด อำนาจของทำเนียบขาวก็อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดอย่างเป็นอันตรายได้" มอร์ริสซีย์กล่าวในแถลงการณ์
แม้แต่ แฮร์ริส ก็แสดงท่าทีว่าพร้อมที่จะรับหน้าที่นั้น โดยในการให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ที่ตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ แฮร์ริสระบุว่าเธอ “พร้อมที่จะรับตำแหน่ง” และเข้ามาแทนที่ไบเดนหากจำเป็น
“ฉันพร้อมที่จะรับตำแหน่ง ไม่มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น” แฮร์ริส กล่าว พร้อมเสริมว่าเธอไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวใครถึงความสามารถของเธอในการเป็นผู้นำประเทศ
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจล่าสุดโดย NBC เปิดเผยว่ามีเพียง 28% ของผู้ลงคะแนนที่ลงทะเบียนเท่านั้นที่มีความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับแฮร์ริส เทียบกับ 53% ที่มีมุมมองเชิงลบต่อเธอ
Photo by Jim WATSON / AFP