โรคอ้วนระบาดทั่วโลก! ผู้เชี่ยวชาญเตือนอย่าประเมินสุขภาพแค่ BMI

โรคอ้วนระบาดทั่วโลก! ผู้เชี่ยวชาญเตือนอย่าประเมินสุขภาพแค่ BMI
วันโรคอ้วนโลก สถิติเผย ประชากรโลกเกือบ 1 พันล้านคนเผชิญโรคอ้วน ผู้หญิงไทยมีภาวะอ้วนมากกว่าผู้ชาย แพทย์เตือนให้ปรับพฤติกรรมและเฝ้าระวังภาวะก่อนอ้วน

โรคอ้วนไม่ใช่แค่ปัญหาสุขภาพส่วนบุคคล แต่เป็นวิกฤตระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข องค์การสมาพันธ์โรคอ้วนโลกรายงานว่าปัจจุบันมีประชากรโลกกว่า 988 ล้านคนที่อยู่ในภาวะโรคอ้วน ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาโรคที่เกี่ยวข้อง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งเพิ่มสูงขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยง 5 พฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ การติดมือถือและจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การออกกำลังกายน้อย การบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ และความเครียดสะสม พร้อมย้ำว่าการประเมินสุขภาพไม่ควรพิจารณาแค่ค่า BMI แต่ต้องคำนึงถึงปริมาณไขมันในร่างกาย (Body Fat) และสัดส่วนร่างกายร่วมด้วย

สถานการณ์โรคอ้วนในไทย

นายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข จากโรงพยาบาลศรีสุโข จังหวัดพิจิตร และผู้ก่อตั้งมาลิคลินิกเวชกรรม สีลม เปิดเผยว่า ข้อมูลจากการสำรวจสุขภาพคนไทยล่าสุด (ปี 2562-2563) โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขพบว่า ผู้หญิงไทย 46.4% และผู้ชายไทย 37.8% มีภาวะอ้วน (BMI 25 ขึ้นไป) นอกจากนี้ 50.4% ของผู้หญิงไทยและ 27.7% ของผู้ชายไทยมีภาวะอ้วนลงพุง โดยกำหนดเกณฑ์รอบเอวที่ 32 นิ้ว (80 ซม.) ขึ้นไปสำหรับผู้หญิง และ 36 นิ้ว (90 ซม.) ขึ้นไปสำหรับผู้ชาย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ พบว่าผู้หญิงมีภาวะอ้วนลงพุงสูงที่สุด

โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกับโรคเรื้อรังอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากงานวิจัยในสหรัฐฯ พบว่า มีเพียง 40% ของผู้ที่มีภาวะอ้วนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วน และมีไม่ถึง 20% ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน ที่น่าตกใจคือ มีเพียง 1.3% เท่านั้นที่ได้รับยาที่ได้รับการรับรองในการรักษาโรคอ้วน

แนวทางการแก้ไขปัญหาโรคอ้วนในระยะยาวจำเป็นต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับโรคอ้วน ล่าสุดมีการกำหนดนิยามทางการแพทย์ใหม่ โดยเน้นความสำคัญของภาวะก่อนเป็นโรคอ้วน (Preclinical Obesity) ซึ่งหมายถึง ผู้ที่มีปริมาณไขมันสะสมมากเกินไปแม้ว่าอวัยวะต่าง ๆ จะยังทำงานเป็นปกติ

“แม้ค่า BMI จะยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ร่างกายอาจเริ่มมีความผิดปกติ เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน ดังนั้นแนวทางการรักษาโรคอ้วนควรเริ่มตั้งแต่ระยะแรก แม้ค่า BMI จะยังไม่เกินมาตรฐาน โดยค่าที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงไทยอยู่ที่ 24.4 และสำหรับประชากรไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 23.1” นายแพทย์ชเนษฎ์กล่าว

การวินิจฉัยภาวะอ้วนที่แม่นยำกว่า BMI การวินิจฉัยภาวะอ้วนไม่ควรพิจารณาเพียงแค่ BMI แต่ควรใช้วิธีวัดไขมันในร่างกาย (Body Fat) หรือพิจารณาสัดส่วนร่างกายเพิ่มเติม เช่น การวัดรอบเอว หากผู้ชายมีรอบเอวเกิน 36 นิ้ว และผู้หญิงเกิน 32 นิ้ว ถือว่าเข้าข่ายอ้วนลงพุง หรือใช้ดัชนีอัตราส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพก โดยเกณฑ์อ้วนลงพุงคือ เกิน 1.0 ในผู้ชาย และเกิน 0.8 ในผู้หญิง

ปัจจัยเสี่ยงและแนวทางป้องกันโรคอ้วน นายแพทย์ชเนษฎ์กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของภาวะอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและปัจจัยทางสุขภาพ ดังนี้

  • การไม่ออกกำลังกาย
  • พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม เช่น การบริโภคน้ำตาลสูงและการขาดใยอาหารจากผักผลไม้
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • พฤติกรรมติดจอมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • ความเครียดสะสมและปัญหาสุขภาพจิต
  • การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ยากันชัก และยาบางชนิดที่ใช้รักษาเบาหวานหรือความดันโลหิต
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม

“หากใครมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่ตอนนี้เพื่อป้องกันโรคอ้วน แต่หากภาวะอ้วนเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม” นายแพทย์ชเนษฎ์กล่าวทิ้งท้าย โรคอ้วนไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรูปร่าง แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและภาวะสุขภาพร้ายแรง การป้องกันและรักษาโรคอ้วนตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นแนวทางสำคัญในการลดภาระด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาในอนาคต

TAGS: #โรคอ้วน #BMI