Longevity Diet ไลฟ์สไตล์การกินของคนรักสุขภาพ ที่ไม่ใช่เพียงกระแส แต่ได้ผลลัพธ์ในระยะยาว
อาหารเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนรักสุขภาพให้ความสำคัญอย่างมาก และ Longevity Diet หรือ การกินเพื่ออายุที่ยืนยาว ก็เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้น แต่นี่ไม่ใช่เทรนด์แฟชั่นที่มาแล้วก็หายไปเท่านั้น เพราะผลลัพธ์ที่ได้มีผลต่อสุขภาพของเราในระยะยาว
ไอเดีย Longevity Diet นี้มาจากงานวิจัยของ Valter Longo ศาสตราจารย์ด้านผู้สูงอายุและวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความสนใจที่เขามีต่อผู้คนบางพื้นที่ เช่น เกาะซาร์ดิเนียในอิตาลี หรือ โอกินาวาในญี่ปุ่น ว่า ทำไมพวกเขาถึงมีอายุยืนมากเป็นพิเศษ บางคนมีอายุยาวนานกว่าร้อยปี แต่ยังสุขภาพแข็งแรง ซึ่งสิ่งที่เขาค้นพบ คือ วิถีการกินที่เรียบง่าย
จากจุดนั้นเอง Valter Longo จึงสรุปผลว่า แผนการกินเพื่อยืดอายุของมนุษย์นี้ ไม่ใช่แค่ทำให้เราผอมลงหรือหุ่นดีขึ้น แต่ยังช่วยในด้านสุขภาพในระยะยาว ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค และทำให้ร่างกายของเรายังรู้สึกเฟรชแม้ว่าจะเข้าสู่วัยชราแล้วก็ตาม
หลักการสำคัญของการกินแบบ Longevity Diet คือ เน้นการกินมังสวิรัติหรือกินพืชให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว หรือพืชตระกูลถั่วเป็นหลัก รวมไปถึงโปรตีนที่มาจากพืช เช่น ถั่ว เต้าหู้ ส่วนโปรตีนจากสัตว์ควรลดปริมาณลง โดยเฉพาะเนื้อแดงหรือเนื้อแปรรูป หากอยากินเนื้อสัตว์ ควรจะเลือกกินจำพวก ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3
ขณะเดียวกันควรลดแป้งและน้ำตาลขัดสี จากอาหารจำพวกขนมปังขาว ข้าวขาว ขนมหวาน น้ำตาล และทางที่ดีควรใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
อีกหลักการกินที่สำคัญคือ ลดปริมาณการกินที่น้อยลง เน้นกินสิ่งที่ให้พลังงานจากอาหารที่มีคุณภาพสูง และควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้น้ำหนักน้อยหรือมากจนเกินไป
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนภายในวันเดียว เพียงแค่เริ่มลองจากสิ่งเล็กๆ อย่างการเติมผักให้มากขึ้นในแต่ละมื้อ เปลี่ยนจากเนื้อแดงเป็นปลาหรือถั่วอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 วัน ลดน้ำตาล น้ำอัดลม ของหวาน กินให้เป็นเวลา และไม่ควรกินดึกจนเกินไป
แต่ใครที่รู้สึกว่า มันยังยากเกินไปที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการกิน Valter Longo แนะนำไว้ว่า หากเคยกินแบบไหน ให้กินแบบนั้นต่อไป เพียงแต่ปรับเปลี่ยนเวลาจาก 12 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลา 07.00-19.00 น. หรือ 08.00-20.00 น. และมื้ออาหารที่สำคัญก็คือ “อาหารเช้า” ที่ทุกคนไม่ควรละเลย
แม้จะดูเป็นวิถีที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วหากจะเข้าสู่ Longevity Diet ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีความผิดปกติในการกินอาหาร เช่น ผู้ที่เป็น “โรคอะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา” หรือที่เรียกกันว่า “โรคคลั่งผอม” จะต้องมีการจำกัดแคลอรีอย่างเข้มงวด ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีน้ำหนักตัวน้อยมาก และมีความกังวลเกี่ยวกับอาหารการกินที่มากจนเกินไป
ที่ผ่านมา แม้จะมีงานวิจัยที่บอกถึงประโยชน์และผลลัพธ์ของการกินอาหารที่เน้นอาหารจำพวกพืชและมีผลต่อสุขภาพ เช่น ชิ้นงานวิเคราะห์ Meta-analysis ของ plant-based diets ที่พบว่า การกินอาหารที่เน้นพืชผักแบบเต็มรูปแบบ จะช่วยลด mortality risk หรืออัตราการเสียชีวิตได้มากกว่าคนที่กินพืชผักน้อย และยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบข้อดีจากการกินอาหารจำพวกนี้เช่นเดียวกัน
แต่จุดที่ต้องระวัง คือแม้จะมีข้อมูลในทางด้านบวกเยอะ แต่ยังมีจุดที่ยังไม่สามารถตอบข้อสังเกตได้อย่างชัดเจน และผลลัพธ์อาจขึ้นอยู่แต่ละบุคคล ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง อายุ เพศ พื้นฐานสุขภาพหรือโรคประจำตัวของบุคคลนั้นๆ
สุดท้ายแล้ว Longevity Diet นอกจากเป็นวิถีการกินที่ค่อยๆ สร้างร่างกายให้แข็งแรงได้อย่างยืนยาวแล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือ ความสม่ำเสมอ และความเรียบง่าย ยิ่งเราเลือกกินอาหารจากธรรมชาติ ปรุงน้อย แปรรูปน้อย ร่างกายก็ยิ่งได้รับของดีที่แท้จริง
SOURCE :
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/38378685/
https://www.everydayhealth.com/diet-nutrition/longevity-diet/
https://valterlongo.com/daily-longevity-diet-for-adults/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/39902310/