พบ “เชื้อไวรัสซิกา” อยู่ใน “อสุจิ” ได้นานถึง 3 เดือน

พบ “เชื้อไวรัสซิกา” อยู่ใน “อสุจิ” ได้นานถึง 3 เดือน
ยุงลายยังก่อเชื้อไวรัสซิกาในหญิงท้อง เสี่ยงลูกพิการหัวเล็ก หนำซ้ำยังพบข้อมูลบางรายงานเชื้ออยู่ในอสุจิกว่า 3 เดือน

จากรายงาน CIMjournal โรคติดเชื้อไวรัสซิกา มียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2490 ในลิงกัง (Sentinel rhesus macaque) ในป่าซิกา ประเทศอูกานด้า โดยรายงานมีการติดต่อในคนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2496 ในประเทศไนจีเรีย หลังจากนั้นประมาณ 57 ปี ไม่เคยมีรายงานการระบาด ครั้งใหญ่

ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานล่าสุดในประเทศไทย ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2559 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ยืนยันทั้งหมด 441 ราย และในปัจจุบันยังมีการระบาดของการติดเชื้อไวรัสซิกาอย่างต่อเนื่อง ในทวีปอเมริกา หมู่เกาะในแถบแคริบเบียน และแปซิฟิก ดังนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงประกาศให้การติดเชื้อไวรัสซิกา และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับประเทศ
อาการ

ระยะฟักตัวของโรคไข้ซิกา ยังไม่ทราบแน่ชัดแต่คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 – 10 วัน อาการของโรคไข้ซิกา ใกล้เคียงกับโรคที่เกิดจากอาร์โบไวรัส (Arbovirus) ชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีแมลงเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงเพียง 20 – 25% ของผู้ที่ได้รับการติดเชื้อ

อาการแสดงหลัก คือ ไข้ ผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ และปวดตามกล้ามเนื้อและข้อ

  • โดยอาการที่พบได้มากที่สุด ได้แก่ ผื่นตามร่างกาย (90%) 
  • อาการคัน ไข้ (65%) 
  • ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อ (65%) โดยมักจะเป็นในข้อขนาดเล็ก 
  • เยื่อบุตาอักเสบ (55%) 
  • อาการอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ สามารถพบได้เช่นกัน

การรักษา

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาจำเพาะที่ได้ผลชัดเจน การรักษาหลัก คือ รักษาตามอาการ โดยการให้สารน้ำทดแทน และการรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาลดไข้ หรือยาบรรเทาอาการปวด หากอาการไม่ดีขึ้นผู้ป่วยควรปรึกษา และทำตามคำแนะนำของแพทย์

การป้องกัน

การป้องกันและการควบคุมโรค ขึ้นอยู่กับการลดจำนวนของยุงตามแหล่งต่าง ๆ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ รวมถึงการป้องกันตนเองไม่ให้โดนยุงกัด ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำได้โดย

  • ใช้ยากำจัดแมลง หรือยาทาป้องกันยุง
  • ใช้ฉากกั้น การปิดประตู ปิดหน้าต่าง การใช้มุ้ง
  • การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยการทำความสะอาด การเทน้ำทิ้ง และถ้าหากมีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง หรือปวดข้อให้ปรึกษาแพทย์

ในแง่ของการติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น มีรายงานการศึกษาการตรวจไวรัสซิกาในสารคัดหลั่งต่าง ๆ ของร่างกาย พบว่า ในน้ำอสุจินั้นสามารถตรวจพบเชื้อไวรัสได้นานถึง 3 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของ CDC4 ในการเว้นการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ในปัจจุบันยังแนะนำให้เว้นในผู้หญิง 2 เดือน และผู้ชาย 6 เดือน หลังมีอาการแสดงของโรคตามลำดับ

TAGS: #ไวรัสซิกา #ยุงลาย