ประเทศไทยคือ Scammer-state ที่แท้จริง และโปรดระวังการแทรกแซงของมหาอำนาจ

ประเทศไทยคือ Scammer-state ที่แท้จริง และโปรดระวังการแทรกแซงของมหาอำนาจ

บางคนคงจะเคยได้ยินคำว่า Narco-state กันมาบ้าง คำๆ นี้หมายถึง รัฐที่ชอบธรรมทางกฎหมายแต่ถูกกลุ่มผิดกฎหมายแทรกซึมหรือครอบงำเพื่อควบคุมรัฐเอไว้ โดยอาศัยเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะเงินจาก Narco หรือ Narcotic ที่หมายถึงยาเสพติด 

ประเทศที่เป็น Narco-state ส่วนใหญ่อยู่ในแถบอเมริกากลาง เป็นต้นทางที่ทำให้ยาเสพติดทะลักเข้าสู่สหรัฐฯ ทำให้สังคมอเมริกันเสื่อมโทรมลงทุกวัน แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำสงครามยาเสพติดมาหลายสิบปีก็ไม่ได้ผล 

ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ จึงคิดจะใช้การส่งกำลังทหารเข้าไปกวาดล้างพวกแก๊งยาเสพติดใน Narco-state โดยตรง โดยขู่ว่า “ผมจะลงมือโจมตีเม็กซิโกเพื่อหยุดยั้งยาเสพติดไหม? ผมโอเค ผมคุยกับเม็กซิโกแล้ว พวกเขารู้ว่าผมมีจุดยืนอย่างไร” - นั่นแปลว่า ทรัมป์ มีความคิดจะแทรกแซงเม็กซิโกด้วยกำลังทหาร และได้คุยกับเม็กซิโกแล้ว แต่เขาบอกไม่ชัดว่าคุยกันยังไง

กรณีของเม็กซิโกยังเป็นข้อเสนอ แต่ตอนนี้ทรัมป์ลงมือจริงๆ กับเวเนซุเอลา โดยส่งกองเรือไปปิดล้อมเนเวซุเอลาโดยอ้างการกวาดล้างยาเสพติด The New York Times รายงานว่าทรัมป์ได้ลงนามในแผนของ CIA ที่จะใช้ "มาตรการลับ" ภายในเวเนซุเอลา ซึ่งอาจเป็นการเตรียมสนามรบให้พร้อมสำหรับสงครามในวงกว้าง

แต่ชาวโลกรู้ทันว่านี่ไม่ใช่เรื่องยาเสพติดเท่านั้น แต่เป็นการปิดล้อมรัฐบาลที่เป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ นอกจากเวเนซุเอลาแล้ว ทรัมป์ยังหาเรื่องกับโคลอมเบียโดยเมื่อเดือนตุลาคม สหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรประธานาธิบดีของประเทศนั้น หลังจากที่ทรัมป์กล่าวหาว่าผู้นำโคลอมเบียปฏิเสธที่จะหยุดยั้งการนำเข้าโคเคนเข้าสู่สหรัฐฯ

แต่ยกเว้นกรณีของเวเนเซุเอลาที่กำกวมแล้ว ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ จะ "เปิดเกมรุก" กับรัฐ Narco-state โดยตรงแล้ว หลังจากปล่อยให้ประเทศที่เป็นต้นทางจัดการตัวเองแต่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

ผมยกตัวอย่างกรณีการแทรกแซง Narco-state ในอเมริกากลางก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ กำลังใช้วิธีการเดียวกันกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีบางประเทศเป็น Scammer-state 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ชื่อ  Scam Center Strike Force ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่และอัยการจากกระทรวงยุติธรรม หน่วยสืบราชการลับ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI)
 
กระทรวงชี้แจงว่า กองกำลังนี้จะ “สืบสวน ขัดขวาง และดำเนินคดีกับศูนย์กลางการหลอกลวงที่ร้ายแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำของพวกเขา โดยมุ่งเน้นไปที่พม่า กัมพูชา และลาว”

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็อยู่ในเป้าหมายโดย โดย FBI ได้ฝังตัวทำงานกับตำรวจไทยแล้วเพื่อกวาดล้างพวกทุนเทา ดังนั้นไทยก็อยู่ในสถานะที่ "หมิ่นเหม่" ได้เช่นกัน

ในกรณีของ Narco-state นั้น ทรัมป์ ทำการแทรกแซงด้วยกำลังทหารโดยอ้างว่า “เรากำลังสูญเสียผู้คนไปหลายแสนคนจากยาเสพติด ตอนนี้เราหยุดเส้นทางไหลเวียนได้แล้ว แต่เราก็รู้เส้นทางทุกเส้นทาง”

ในส่วนของการกวาดล้าง Scammer-state จีนีน เพียร์โร (Jeanine Pirro) อัยการสหรัฐฯ กล่าวว่า Scam Center Strike Force  เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างมากขึ้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการส่งเสริม "การใช้งานคริปโทเคอร์เรนซีอย่างปลอดภัย"

เป้าประสงค์ของทั้งสองเป้าหมายก็ดูเหมือนจะชัดเจนดี

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ทรัมป์ ห่วงเรื่องยาเสพติดก็จริง แต่เป้าหมายหลักไม่ได้อยู่ที่รัฐในอเมริกากลางแต่อยู่ที่จีน เพราะปัญหายากเสพติดที่เขาหมายถึงนั้น คือ "การระบาดของโอปิออยด์" (Opioid epidemic) ที่เลวร้ายมากในหมู่อเมริกันชน และทรัมป์ชี้นิ้วไปที่จีนซึ่งเขาอ้างว่าเป็นต้นทางระบายสารโอปิออยด์ออกมายังประเทศอเมริกากลางจากนั้นก็แพร่มายังสหรัฐฯ ซึ่งเขาเองก็ได้หารือเรื่องนี้กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในการประชุมนอกรอบของ APEC ที่ปูซานด้วย

อีกประการหนึ่งก็คือ รัฐอเมริกากลางต่างๆ เริ่มที่จะเอียงเข้าหาจีนมากขึ้น ทั้งโคลอมเบียและเวเนซุเอลาแม้แต่เม็กซิโก โดยการอียงจีนไม่เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด แต่เป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์เป็นหลัก 

ในส่วนของ Scammer-state ทรัมป์ ต้องเร่งจัดการให้สิ้นซากด้วย เพราะเขาเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของคริปโทเคอร์เรนซี และมีแผนการใหญ่ในการสนับสนุนทั้งเงินดิจิทัลและการปฏิวัติดิจิทัลที่บริษัท Big tech สัญชาติอเมริกันเป็นแกนนำ

ดังนั้น ใครก็ตามที่ขวางทางแผนการใหญ่ของเขา เขาก็จะเล่นใหญ่แบบนี้

แต่โปรดสังเกตว่า สหรัฐฯ มองจีนเป็น "ผู้เล่นหลัก" ของทั้ง  Narco-state และ Scammer-state 

ในขณะที่สหรัฐฯ โบ้ยความผิดเรื่องการระบาดของโอปิออยด์ไปที่จีน สหรัฐฯ และสื่อตะวันตกก็พยายามโยงว่าแก๊งสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเกี่ยวข้องกับ "รัฐจีน" ทั้งๆ ที่จีนเองเป็นแกนหลักของการกวาดล้างสแกมเมอร์ในภูมิภาคนี้มาก่อนสหรัฐฯ เสียอีก

ผมจะยกตัวอย่าง จีนีน เพียร์โร อัยการสหรัฐฯ ที่กล่าวว่าศูนย์สแกมเมอร์ต่างๆ "สร้างการถ่ายโอนความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นจากเศรษฐกิจกระแสหลักของอเมริกาไปสู่กระเป๋าของกลุ่มอาชญากรชาวจีน"  

เธอใช้คำว่า Chinese organized crime ซึ่งแม้พวกหัวโจกของแก๊งสแกมเมอร์จะเป็นคนจีนจริงๆ แต่ไม่ได้มีแค่คนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่มาจากไต้หวันเป็นจำนวนไม่น้อยเลย รวมถึงแกนหลักที่วางรากฐานศูนย์สแกมเมอร์ส่วนใหญ่ก็มาจากฮ่องกง ทั้งหมดนี้เป็น คนจีน (Chinese) ทั้งสิ้น แต่สหรัฐฯ เลือกที่จะเหมารวมโดยคราวนี้กลับไม่กระตือรือร้นที่จะเอ่ยคำว่า Taiwanese แยกต่างหาก

ดังนั้น การเล่นใหญ่กับ Narco-state และ Scammer-state ของสหรัฐฯ แม้จะเป็นผลดีด้านสังคม แต่มันซ่อนวาระซ่อนเร้นทางการเมืองเอาไว้ด้วย ซึ่งประเทศไทยควรระวังให้ดีอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง

แต่ไทยเราเองก็มีปัญหาเรื่องสถานะความเป็น Scammer-state อยู่เหมือนกัน

เอาเข้าจริงแล้วผมเห็นว่า ไทยเรานี้เป็น Scammer-state ที่แท้จริงยิ่งกว่าเพื่อนบ้านเสียอีก 

ถ้าเอานิยามของ Narco-state ก็คือรัฐอันชอบด้วยกฎหมายที่ถูกองค์กรผิดกฎหมายบงการและและควบคุม (รวมถึงหาประโยชน์จากอำนาจแห่งรัฐ) ผมคิดว่าประเทศไทยเข้าข่ายเสียยิ่งกว่าเมียนมาและกัมพูชาเสียอีก 

เพราะขณะที่กัมพูชามีศูนย์สแกมเมอร์มากมายและมีพวกทุนเทาเคลื่อนไหวอย่างเสรี แต่พวกนี้ก็ยังต้องฟังคำสั่งของเครือข่ายตระกูลฮุนอยู่ดี ตระกูลฮุนนั้นละโมบเงินจากการทำสแกมเมอร์จึงไม่กวาดล้างเต็มที่ แต่ถ้าจะทำก็ทำได้ดังนั้นรัฐกัมพูชาจึงเหนือกว่าอำนาจทุนเทา 

เช่นเดียวกับเมียนมาซึ่งมีสภาพเป็น "รัฐ" และ "ดินแดนอิสระ" เช่น โกกั้ง, ว้า และดินแดนของกองกำลังกะรเหรี่ยงกลุ่มต่างๆ ทั้งหมดนี้มีลักษณะที่แตกต่างกันไป เช่น โกกั้งมีอำนาจรัฐที่ทำงานสแกมเมอร์ด้วยตนเอง รัฐว้าเปิดโอกาสให้สแกมเมอร์มาทำมาหากินแต่อำนาจรัฐบงการอย่างเต็มที่ และในเขตกระเหรี่ยงนั้นแบ่งผลประโยชน์ค่าคุ้มครองกันระหว่างกองกำลังท้องถิ่นและทหารเมียนมาส่วนกลาง 

ทั้งสองกรณีนี้ มีอำนาจรัฐครอบงำสแกมเมอร์ พวกอาชญากรไม่สามารถหืออือกับอำนาจรัฐได้

แต่ในประเทศไทยนั้นตรงกันข้าม 

อำนาจรัฐกลับรับใช้สแกมเมอร์เหมือนเป็นข้าเป็นทาส แม้จะรับเงินสีเทาเหมือนเครือข่ายตระกูลฮุนและกองกำลังต่างๆ ในเมียนมา แต่อำนาจรัฐไทยพินอบพิเทาพวกทุนเทาทุนเหล่านั้น

ไม่เชื่อก็ลองดูกรณีของ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่ถูกเด้งกระทันหันเพราะ "เลี้ยงดู" อาชญากรทุนเทาชาวจีนราวกับเป็นเสี่ย ปิดคุกให้นางแบบเข้าไปบำเรอความสุข จ้างนักโทษคนไทยมาเป็นคนรับใช้ และมีเครื่องอำนวยความสะดวกอีกมากมาย

ลักษณะแบบนี้อดคิดไม่ได้เลยว่า ประเทศไทยได้มีสภาพแบบเม็กซิโกไปแล้ว นั่นคือเรือนจำเป็นบ้านหลังที่สองของพวกอาชญากรตัวเอ้ และอำนาจรัฐมีหน้าที่สนองความสะดวกให้พวกนี้ ไม่ใช่ลงทัณฑ์พวกเขา  

เช่น การที่อำนาจรัฐเม็กซิโกจับกุมพ่อค้ายารายใหญ่ๆ ก็เพราะทนแรงกดดันจากสหรัฐฯ ไม่ไหว แต่พอจับเข้าไปแล้วพวกเจ้าพ่อค้ายาก็ใช้เงินซื้ออำนาจรัฐเพื่อให้ตัวเองอยู่คุกแบบขอไปที แต่มีชีวิตที่ผาสุกเหมือนไม่ได้รับโทษอะไร 

แบบนี้ไทยจึงเป็น Scammer-state ตามนิยามของ Narco-state โดยแท้ เพราะรัฐถูกครองงำโดยอำนาจอาชญากรไปแล้ว 

ปัญหานี้มันใหญ่ขนาดที่นายกรัฐมนตรีอนุทินต้องบินไปเชียงใหม่ ไปเป็นหัวหอกกวาดล้างอำนาจรัฐที่สนองอำนาจทุนชั่วที่เวียงแหง ซึ่งใช้อำนาจของข้าราชการระดับท้องถิ่นและส่วนภูมิภาคทำการสวมสิทธิ์สัญชาติไทยให้กับพวก "จีนเทา" เพื่อที่พวกนี้จะได้เป็นคนไทยและจะได้ "ทำธุรกิจ" ในไทยอย่างสะดวก

โปรดทราบว่า "ธุรกิจในไทย" ของพวกนี้ก็คือการอำนวยความสะดวกด้านการฟอกเงินและค้ามนุษย์ระหว่างเมียนมาและกัมพูชา โดยมีผู้มีอำนาจรัฐในไทยคอยอำนวยความสะดวกให้แลกกับ "ค่าน้ำชา" ที่หอมปากหอมคอ 

นี่ยิ่งไม่ใช่ทำให้ไทยเป็น Scammer-state ตัวจริงหรอกหรือ?

สองกรณีนี้เป็นแค่ "ยอดปลายของภูเขาน้ำแข็ง" เท่านั้น ไม่เพียงอำนาจรัฐไทยที่ถูกซื้อ ถูกใช้เป็นทาส และถูกครองงำโดยทุนเทาเท่านั้น ภาคเอกชนอีกไม่น้อยก็ต้องคอยรับใช้พวกนี้ด้วย 

ยังดีที่ในเวลานี้ Scammer-state ไทยยังไม่ถึงขั้น Narco-state ในเม็กซิโก ซึ่งพวกแก๊งมีอำนาจในการสังหารผู้คนตามใจชอบทั้งคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามและผู้ที่ไม่ยอมคล้อยตามผลประโยชน์ 

ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีวันนั้น เพราะนับวันพวกทุนเทาจะยิ่งหนีเข้ามาไทยจากทั่วทุกสารทิศเพราะเมียนมาก็ดำเนินการกวาดล้างหลังเจอจีนกดดัน ส่วนกัมพูชาก็ต้องกวาดล้างอีกรอบเพราะเกาหลีใต้กดดัน 

ส่วนประเทศไทยนั้นไม่มีใครกดดันเลย ถึงจะมีแรงกดดันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะมีอำนาจรัฐ (บางส่วน?) คอยรับใช้ ปกป้อง สนองผลประโยชน์พวกทุนเทาเอาไว้ 

ความไ่เอาไหนของรัฐไทยนี่แหละ ที่จะทำให้คนไทยหันไปต้อนรับการแทรกแซงของประเทศอื่นที่เข้ามาแก้ปัญหาสแกมเมอร์ในภูมิภาคนี้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทั้งจากจีนและสหรัฐฯ ก็ตาม

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - นักธุรกิจชาวจีน เสอจื้อเจียง (ที่ 2 จากขวา) ถูกตำรวจไทยควบคุมตัวออกจากสถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังประเทศจีน (Photo by CHANAKARN LAOSARAKHAM / AFP)

 

TAGS: #Narco-state #สแกมเมอร์ #เมียนมา #กัมพูชา