เมื่อหลายปีก่อนมีบทความหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า "Who actually funds the Cambodian military?" (โดย David Hutt ของ The Diplomat) แปลแบบบ้านๆ ก็คือ "ใครเป็นคนให้ทุนกองทัพกัมพูชา?"
ปกติแล้วทุนของกองทัพก็ต้องมาจากงบประมาณแผ่นดิน แต่หลายปีก่อนมีกรณีที่กัมพูชาสั่งยานยนต์ทหารเข้ามาใหม่ 290 คัน โดยใช้เงินบริจาคจากเอกชน 20 ล้านดอลลาร์ เรื่องนี้ ฮุน เซน บอกมาเอง
ผมอ่านแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าประเทศนี้มันก็ "เทาๆ" แบบนี้แหละและผู้นำมักทำอะไรตามใจชอบโดยหาคนขัดแย้งไม่มี (เพราะหากมีก็จะหามีชีวิตไม่)
ตอนนั้นผมค้นเรื่องงบประมาณทหารกัมพูชาเมื่อปีที่แล้วซึ่งเพิ่มขึ้นมา "เกินฐานะ" ประเทศที่ค่อนข้างปากกัดตีนถีบแบบนี้ เพิ่มมากจนสถาบันด้านความมั่นคงและสื่อต่างประเทศจับตามอง
มีบทความหนึ่งที่เขียนโดยนักวิชาการกัมพูชาบอกว่า มีสองประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของกัมพูชา คือไทยกับเวียดนาม นักวิชาการคนนี้บอกว่าเวียดนามในทัศนะคนเขมรคือภัยคุกคามมากกว่า ส่วนไทยก็ถูกมองว่าเป็นผู้คุกคามแต่ยังน้อยกว่าในแง่การเขมือบแผ่นดิน
แต่เอาเข้าจริงระยะหลังไทยกับเขมรปะทะกันและเกือบปะทะกันด้วยอาวุธมากกว่าเวียดนาม โดยที่เวียดนามนั้นเหมือนเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของบางคนในรัฐบาลกัมพูชาด้วยซ้ำ ดังนั้น ต่อให้ประชาชนเขมรเกลียดเวียด แต่ก็รัฐบาลก็จะไม่กล้าชนกับเวียด
กลับมาที่คำถามว่า "Who actually funds the Cambodian military?"
เมื่อวานนี้ผมได้อ่านรายงานเรื่อง "อาชญากรรมข้ามชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในกัมพูชาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระดับโลก" (Policies and Patterns: State-Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat) เขียนโดย เจค็อบ ซิมส์ (Jacob Sims) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิทธิมนุษยชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานนี้เปิดเผยว่า "กัมพูชาเป็นประเทศที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นศูนย์กลางของการฉ้อโกงข้ามชาติยุคใหม่ของโลกในปี 2025 โดยมีเพียงเมียนมาเท่านั้นที่มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต การฉ้อโกงได้กลายมาเป็นอุตสาหกรรมในประเทศ (กัมพูชา) ที่ทำกำไรมหาศาล ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรนี้ การประมาณการอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 12,500 ถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ 60% ของ GDP และแซงหน้าอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างมาก"
เงินสีดำเหล่านี้ถูกทำให้เป็นสีขาวโดยผ่านเครือข่ายคาสิโนที่มีอยู่ทั่วประเทศ และดำเนินการโดยคนในวงในรัฐบาลตั้งแต่บน (ระดับผู้นำประเทศ) ยันล่าง (เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น) โดยเฉพาะพวกระดับ "ที่ปรึกษาของผู้นำประเทศ" เป็นแกนหลักของขบวนการนี้
อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอเป็นรายได้หลักของกัมพูชาในฉากหน้า เวลาเราดูข่าวก็มักจะอ้างอุตฯ พวกนี้
แต่ฉากหลังคือเงินจากการทำอุตฯ หลอกหลวงข้ามชาติที่คิดเป็น 60% ของ GDP
ผมชักจะสงสัยว่าการที่กัมพูชาถูกทรัมป์ขึ้นภาษีสูงที่สุดในโลก แต่แล้วกัมพูชาก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน อาจเป็นเพราะ "รายได้ที่แท้จริง" ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏในดุลการค้าหรือไม่? แต่เป็นเงินเทาๆ มากกว่า
แม้จะยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคำถามที่ว่า "ใครเป็นคนให้ทุนกองทัพกัมพูชา?" และคำตอบคือ "เอกชนช่วยออกเงินให้"
คำถามต่อมาก็คือเอกชนพวกนั้นคือใคร? เป็นไปได้ไหมว่าคือพวก "ที่ปรึกษาของผู้นำประเทศ" ที่คุมอุตฯ หลอกหลวงข้ามชาติเอาไว้ เพราะพวกนี้เป็นกึ่งคนของรัฐและเป็นเอกชน?
ผมยังไม่รู้ แต่ฝากคำถามเอาไว้ เพราะอุตฯ สีเทาที่ "รัฐกัมพูชา" ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำนั้นมันคือเงินที่หลอกลวงคนไทยด้วยเหมือนกัน และอาจเป็นทุนรอนที่นำมาใช้ซื้ออาวุธเพื่อนำมาเผชิญหน้ากับไทย หรือสร้างสถานการณ์กับไทยเพื่อหวังผลการเมือง
ขอทิ้งท้ายไว้ที่ตัวเลขงบทหารของกัมพูชา คือ 1.3 พันล้านนดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20 - 30% ระหว่างปี 2022 - 2023 จากตัวเลขของสถาบัน IISS
ป.ล. เรื่องนี้ควรอ่านประกอบอย่างยิ่ง คือ "อาชญากรรมข้ามชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในกัมพูชาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระดับโลก" อ่านได้ที่นี่
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
หมายเหตุ - บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกในเฟซบุ๊ค Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025
Photo - ทหารยืนอยู่ข้างรถถังระหว่างพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีการก่อตั้งกองทัพกัมพูชาในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2024 (ภาพโดย TANG CHHIN Sothy / AFP)