'โมหะ'ของเพื่อนบ้านกับความสำเร็จของ'สงกรานต์ไทย'ที่ใครๆ ก็อยากจะเคลม

'โมหะ'ของเพื่อนบ้านกับความสำเร็จของ'สงกรานต์ไทย'ที่ใครๆ ก็อยากจะเคลม

ปีนี้ผมนึกว่าสงกรานต์จะกร่อยเสียแล้ว เพราะหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ได้ข่าวว่ายอดจองโรงแรมลดลง และผมเองก็คิดว่าคงไม่มีใครกล้ามาเที่ยวเป็นแน่หลังจากเห็นคลิปตึกถล่มที่ไวรัลไปทั่วโลก

ตรงกันข้าม สงกรานต์ปีนี้คนแน่นขนัดและ (โดยความรู้สึกส่วนตัว) มันดูสนุกยิ่งกว่าปีไหนๆ เรื่องวุ่นวายก็แทบไม่มี มีแต่ภาพของคนไทยร่วมใจกันครื้นเครง ส่วนคนต่างชาติก็แห่กันมาเต็มบ้านเต็มเมือง

สงกรานต์ปีนี้แทนที่จะหงอย กลับกลายเป็นการพีอาร์ประเทศเราได้อย่างทรงพลังที่สุด โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยคลิปการเล่นสาดน้ำในไทย และสื่อใหญ่ๆ ยังช่วยประโคมให้ด้วยว่า 'สงกรานต์' คือ  The world's biggest water fight

ย้ำว่า 'สงกรานต์' แบบไทย ไม่ใช่ 'ตะจาน' หรือ 'โจล ฉนำ ทเมย' ของบางประเทศที่อ้างว่าตัวเองเป็น original

ในความสำเร็จของ 'สงกรานต์ไทย' มันมีประชากรด้อยคุณภาพเพื่อนบ้านบางประเทศแสดงความอาฆาตมาดร้ายด้วยการใส่ร้ายป้ายสีเทศกาลของเราว่า "ขโมย" มาจากวัฒนธรรมของพวกเขา

คนพรรค์นี้โผล่ทั่วโซเชียลมีเดีย เพื่อที่จะใช้คำลวงบอกกับชาวโลกว่า "สงกรานต์ของไทยเป็นของก๊อปปี้มา ประเทศเรานี่สิคือของจริง"

การทำแบบนี้นอกจากจะเสียมารยาทต่อเพื่อนบ้านด้วยกันแล้ว ยังเป็นความเท็จอย่างร้ายแรง เพราะมโนขึ้นมาเพื่อใส่ร้าย 'เพื่อน' เพื่อที่ตัวเองจะได้ภูมิใจแบบผิดๆ หรืออย่างเลวที่สุดคือดึงเอานักท่องเที่ยวไปบ้านตัวเอง

นี่เรียกว่าการ Hijack ความสำเร็จของไทยที่สั่งสมมานานหลายสิบปี ผ่านการพีอาร์ และทุ่มเทงบประมาณมหาศาลเพื่อดัน 'สงกรานต์' เป็นเทศกาลระดับโลก 

แต่แล้วประเทศเพื่อนบ้านหากินง่ายๆ ด้วยการทำตัวเป็นปรสิตดูดกินความสำเร็จของไทย

เช่นประเทศกัมพูชา มักจะอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของเทศกาลสงกรานต์ (โดยตัวเองก็ไม่ได้เรียกสงกรานต์มาแต่ไหนแต่ไร เพิ่งจะมาเรียกตามไทยไม่กี่ปีมานี้) โดยชี้ว่า "เรามีจารึกโบราณที่เขียนคำว่า 'สังกรานติ' ย่อมหมายความว่า เราคือต้นตำรับสงกรานต์" ขนาดเพจเฟซบุ๊คของคนระดับนายกรัฐมนตรีประเทศนั้นก็ยัง "เคลมสงกรานต์" โดยอ้างจารึกที่ว่า 

ประทานโทษเถอะ จารึกที่มีคำว่า 'สังกรานติ' นั่นมาจากจารึกปราสาทสระกำแพงใหญ่ ที่จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทยเรานี่เอง! 

ยังไม่นับว่าเขาใจความหมายของคำว่า 'สังกรานติ' ผิดเพี้ยนไปอีก เพราะมันหมายถึง 'การเคลื่อนโคจร' จากเดือนนักษัตรหนึ่งไปอีกเดือนนักษัตรหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือการเปลี่ยนเดือนตามปฏิทินศาสนาพราหมณ์/ฮินดู เช่น 'สงกรานต์ไทย' นั้นเป็น 'เมษสังกรานติ' เป็นการเปลี่ยนสู่เดือนแห่งนักษัตรเมษ อันถือเป็นปีใหม่ตามปฏิทินศาสนาพราหมณ์/ฮินดู

'เมษสังกรานติ' เป็นการฉลองปีใหม่แต่เดิมในหลายท้องที่ของอินเดีย เช่น ในรัฐเกรละ, รัฐทมิฬนาฑู, รัฐโอฑิศา รัฐเหล่านี้เป็นรัฐอินเดียใต้ ซึ่งเป็นที่มาของวัฒนธรรมศาสนาพราหมณ์/ฮินดูในประเทศไทย ดังปรากฏในตำนานพราหมณ์ในไทยว่ามีบรรพชนมาจากดินแดนเหล่านี้ 

นอกจาก 'เมษสังกรานติ' ยังมีสังกรานติของเดือนอื่นๆ ด้วย เช่น มกรสังกรานติ (เป็นเทศกาลเก็บเกี่ยวบางพื้นที่) หรือ 'สิงหสังกรานติ' (ถวายของบูชาแม่น้ำจันทรภาค) เป็นต้น โดยสรุปก็คือ คำว่า สังกรานติ หรือ สงกรานต์ เป็นคำอินเดีย หมายถึงการเปลี่ยนเดือนนักษัตร ไม่ใช่คำภาษาอุษาเคณย์ใดๆ ทั้งสิ้น

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งภาคพื้นแผ่นดินใหญ่และหมู่เกาะล้วนแต่เป็น Indianized kingdoms หรือประเทศใต้อิทธิพลอินเดียทั้งสิ้น (ยกเว้นเวียดนามตอนเหนือในยุคโบราณ)  เมื่อรับปฏิทินอินเดียมา ก็ย่อมรับธรรมเนียมสังกรานติมาด้วยทุกแว่นแคว้น

ดังนั้น ทุกประเทศมีสิทธิที่จะใช้คำว่า 'สังกรานติ' เท่าๆ กัน โดยที่ไทยเรียกว่า สงกรานต์ เขมรเรียกว่า สังกรานต์ พม่าออกเสียงว่า ตะจาน (แต่เขียนว่าสงกรานต์)

ทั้งไทย กัมพูชา พม่า ต่างก็มีดินแดนโบราณที่เก่าแก่ไม่แพ้กัน แต่ดูเหมือนว่ากัมพูชาจะโอ้อวดว่าตัวเองเก่าแก่กว่าใคร ดังนั้น "เราชาวเขมรเป็นเจ้าของคำว่าสงกรานต์"

แม้จะมีหลักฐานฝ่ายจีนสมัยราชวงศ์เหลียงกล่าวว่า 'เกาฑิณยะ' บรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง 'ฟูนัน' (ที่เขมรเคลมว่าเป็นอาณาจักรของตน) มาจากดินแดนที่ชื่อ 'พันพัน' ตรงคาบสมุทรระหว่างอินเดียกับตอนใต้ของเวียดนาม ซึ่งพันพันที่ว่านี้ควรหมายถึง 'พุนพิน' หรือไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นั่นหมายความว่า ผู้สร้างอาณาจักรที่กัมพูชาเคลมนั้นมาจากดินแดนของไทยในปัจจุบัน และย่อมหมายความว่า วัฒนธรรมกัมพูชานั้นรับจากอินเดีย "โดยผ่านไทย" 

ถ้าจะยกเรื่องนี้มาอ้าง เขมรก็คงหมดทางที่จะเคลมอีก

แต่คนไทยไม่เคลมอะไรที่ "ใจมด" แบบนี้ เพราะเรานั้นใจกว้างดั่งมหาสมุทร และรู้ดีว่าวัฒนธรรมและคำว่าสงกรานต์ของเรานั้น เป็นหนี้บุญคุณอินเดีย ไม่ใช่เพื่อนบ้านที่รับวัฒนธรรมอินเดียมาเหมือนกัน 

ประเทศไทยได้ทำให้คำว่า 'สงกรานต์' กลายเป็นไวรัลและเทศกาลเล่นน้ำของคนทั่วโลก ด้วยความพยายามหลายสิบปี และความมี hospitality ของคนไทยที่ประทับใจคนทั่วโลก 

ย้ำว่า 'สงกรานต์' เป็นเทศกาลของคนทั้งโลก แต่คนไทยช่วยกันปั้นให้มันโด่งดังขึ้นมา  แม้ในวันที่ไทยประสบปัญหาไม่มีเวลาโปรโมทเพราะเจอแผ่นดินไหวไปหมาดๆ ชาวโลกก็ยังจำได้ว่า "เดือนนี้คือสงกรานต์ เราต้องไปที่ไทยให้ได้"

บางประเทศนั้น พอเห็นไทย 'ทรุด' ก็มักจะซ้ำเติมและฉวยโอกาส 'ขิง' ประเทศไทยเพื่อเอาดีเข้าตัว เช่นตอนที่ไทยประสบกับแผ่นดินไหว บางประเทศก็โอ้อวดกับชาวโลกว่า "มาประเทศเราดีกว่า เราไม่มีแผ่นดินไหว" การป่าวประกาศอันน่ารังเกียจแบบนี้ปรากฏในโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวกับแผ่นดินไหวในไทยด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าคนเหล่านี้ "แม้แต่มนุษยธรรมก็หามีไม่"

แต่แล้วพอถึงเทศกาลสงกรานต์ คนต่างชาติก็ไม่ได้ไปบ้านเมืองนั้นอย่างที่หวัง แต่กลับแห่กันมาที่ไทย แม้จะ "ทำของใส่คนอื่น แต่ของกลับเข้าตัว" จนตกต่ำลงทุกที แต่พวกนั้นก็ยังไม่สำนึกในการกระทำที่ย่ำยีประเทศไทยครั้งแล้วครั้งเล่า 

เพื่อนบ้านบางประเทศนั้นเคยมีนิสัยดีงามไม่ทะเลาะกับใคร แต่ถูกปั่นหัวโดยเพื่อนบ้านที่น่ารังเกียจอีกประเทศ ถึงขั้นแสดงสันดานเดียวกันเด๊ะ นั่นคือ "ไทยเป็นหัวขโมย เรานี่สิ คือเจ้าของสงกรานต์ที่แท้จริง"

ยังมีการอ้าง "ประวัติศาสตร์เขียนเอง" ว่าเราเล่นสาดน้ำมาก่อนใคร ประเทศอื่นๆ ล้วนแต่ลอกเราไป 

และประเด็นก็คือ การเล่นสาดน้ำตอนหน้าร้อนจัดมันต้องมีประเทศต้นกำเนิดด้วยหรือ? แทนที่จะเป็นสัญชาติญาณมนุษย์ร่วมกันในเดือนเมษสังกรานต์ที่ร้อนตับแตก

เรื่องนี้ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ยังไม่นับว่าต่อให้มีหลักฐานก็ตาม ทุกสิ่งล้วนโยงกับไปที่สังกรานติของอินเดียทั้งสิ้น 

พอไม่รู้จะค้านอะไร ก็หันมาปลอบขวัญกันเองโดยโมหจริตอีกว่า "การเล่นสาดน้ำในไทยเป็นธุรกิจ ของเราสิเล่นกันตามธรรมชาติ" 

นั่นก็เพราะเห็นไทยประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว ก็เลยพายามยกตนข่มท่านว่า "เราไม่ปลอม" 

ผมเห็นท่าทีของเพื่อนบ้านเหล่านี้แล้ว จึงได้แต่ใช้คำว่า 'โมหะ' เพราะเต็มไปด้วยความหลง ความมืดมน หากแสงสว่างไม่ได้เลย จิตเต็มไปด้วยอิจฉาและริษยา มิได้กอปรด้วยเมตตา (ความรักใคร่ปรองดองกัน) และมุทิตา (ความดีใจที่เห็นเพื่อนเราได้ดี) อันเป็นคุณสมบัติของ 'คนดี' 

ประเทศของพวกเรานั้นควรจะรักกันไว้และเลิกบ้าเรื่อง "กูเป็นออริจินัล" เสียที เพราะล้วนแต่มี "พ่อเป็นอินเดีย"  ด้วยกันทั้งสิ้น 

เมื่อพี่น้องท้องเดียวกันในครอบครัว Indianized kingdoms จู่ๆ มาบอกว่า "กูคือพ่อ พวกมึงเกิดมาได้เพราะกูทั้งนั้น" แบบนี้ไม่ใช่โมหะและความวิปลาสหรือ?

ผมไม่สามารถทำให้ประเทศไหนๆ มาไมตรีและมีมุทิตาจิตกับประเทศไทยได้หรอก นี่คืออุดมคติเท่านั้น ในความเป็นจริงเพื่อนบ้านมักจะทะเลาะกันแบบนี้ เพราะ "ความอหังการ" (ความหลงว่ากูแน่) จึงทำมุสาวาททั้งโกหกและผรุสวาจาต่อประเทศไทย

แต่ขอบอกกับคนไทยว่า เรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่สามารถยอมได้ เพราะการยอมเท่ากับทำลายความสัตย์จริง และยิ่งทำให้คนที่หลงนั้นโง่งมเข้าไปอีก เป็นอันตรายต่อตัวเขาและตัวเรา

ดังนั้น เมื่อมีใครมาโมเมอ้างว่า 'สงกรานต์ไทย' เป็นของพวกเขา คนไทยเราก็จงร่วมกันปกป้องความเป็นไทยที่เราอุตส่าห์ร่วมกันสร้างมันขึ้นมาอย่างไม่ลดละเถิด

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - TOPSHOT - ประชาชนแห่เล่นน้ำสงกรานต์วันแรก บนถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร 13 เมษายน 2568 (ภาพโดย Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

TAGS: #สงกรานต์ #ไทย #เพื่อนบ้าน