จีนกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า "คัดค้านอย่างหนักแน่น" ต่อภาษีศุลกากรใหม่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำหนดเรียกเก็ยจากจีน และให้คำมั่นว่าจะใช้ "มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองอย่างเด็ดขาด"
เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยมาตรการกวาดล้างต่อคู่ค้ารายใหญ่ โดยประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% เพิ่มเติมจากอัตราภาษีศุลกากรที่มีอยู่แล้ว
ในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ กระทรวงพาณิชย์ของจีนวิพากษ์วิจารณ์ "การกระทำที่ผิดพลาด" ของรัฐบาลวอชิงตัน โดยกล่าวว่ารัฐบาลปักกิ่ง "ไม่พอใจอย่างยิ่งกับเรื่องนี้และคัดค้านอย่างหนักแน่น"
กระทรวงกล่าวว่ารัฐบาลปักกิ่งจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WHO) โดยให้เหตุผลว่า "การที่สหรัฐฯ กำหนดภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวถือเป็นการละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกอย่างร้ายแรง"
กระทรวงต่างประเทศจีนระบุด้วยว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าว “ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังทำลายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าตามปกติอีกด้วย”
กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า “จีนหวังว่าสหรัฐฯ จะมองและจัดการกับปัญหาของตัวเองอย่างเป็นกลางและมีเหตุผล เช่น เฟนทานิล แทนที่จะขู่ประเทศอื่นด้วยภาษีศุลกากรในทุกทาง”
กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า “รัฐบาลปักกิ่งขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด พบปะกับจีนครึ่งทาง เผชิญหน้ากับปัญหา เจรจากันอย่างตรงไปตรงมา เสริมสร้างความร่วมมือ และจัดการความแตกต่างบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ประโยชน์ร่วมกัน และความเคารพซึ่งกันและกัน”
ในแถลงการณ์แยกกัน กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร”
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า “การกำหนดภาษีศุลกากรเพิ่มเติมนั้นไม่สร้างสรรค์ และจะส่งผลกระทบและทำลายความร่วมมือทวิภาคีในอนาคตเกี่ยวกับการควบคุมยาเสพติดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
Agence France-Presse
Photo - ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง (กลาง) พูดคุยระหว่างการพบปะกับประธานาธิบดีศรีลังกา อนุรา กุมารา ดิสสานายาเก ณ มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 (ภาพถ่ายโดย Aaron Favila / POOL / AFP)