1. ในเวลานี้ กองทัพอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เมื่อตามรายงานบางฉบับ กองทัพก็ควบคุมพื้นที่ได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ของประเทศ นอกจากนี้ยังเกือบจะเสียเมืองสำคัญในรัฐกะเหรี่ยง นั่นคือเมืองเมียวดี แต่ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้ การพ่ายแพ้ครั้งแล้วคัร้งเล่า รวมถึงสัญญาณความอ่อนแอในด้านการบัญชาการ ทำให้ฝ่ายสนับสนุนกองทัพเมียนมาเริ่มไม่พอใจผู้นำในเวลานี้ คือ พลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย 

2. จากรายงานของ The Diplomat รายงานอ้างคนวงในกล่าวว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสถึงกับสาปแช่ง มินอ่องหล่าย  อย่างเปิดเผยและลับหลัง และยังเยาะเย้ยที่ มินอ่องหล่าย แสดงอาการเหมือนไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง วิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการที่ไม่รัดกุม และยังไม่พอใจที่เขาแสดงความความทะเยอทะยานทางการเมืองโดยไม่สงวนท่าทีเอาเลย ความไม่พอใจเหล่านี้เริ่มดุเดือดขึ้นในกลุ่มที่สนับสนุนกองทัพ

3. จากกระแสต่อต้าน มินอ่องหล่าย กลายเป็นกระแสสนับสนุนทหารระดบัสูงอีกคนที่น่าจะมีศักยภาพมากกว่า นั่นคือ รองพลเอกอาวุโส โซวิน ฝ่ายต่อต้านต้าน มินอองหล่าย ในกองทัพถึงขนาดออกมาปากชม โซวิน กันตรงๆ เช่นบอกว่า “ดูหน้าโซวินสิ นั่นคือใบหน้าของทหารที่แท้จริง มินอองหล่าย รับมือไม่ไหว เขาควรย้ายไปรับบทบาทพลเรือน” นี่คือทัศนะพระภิกษุสายชาตินิยม คือพระปะเอ้าก์โกตอ บอกกับฝูงชนหลายร้อยคนในการชุมนุมแสดงพลัง

4. แต่หลังจากมีกระแสเรียกหา โซ วิน ให้มาแทนที่ มินอ่องหล่าย แต่แล้วจู่ๆ โซ วิน ก็หายตัวไปหลังการโจมตีที่เมาละแหม่งช่วงเดือนเมษายน โดยเมื่อวันที่ 8 เมษายน กองกำลังต่อต้านรัฐบาลเผด็จการได้ใช้โดรนโจมตีสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพเมียนมาร์ ในเมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ ขณะที่โซ วิน กำลังเยี่ยมชมฐานทัพดังกล่าว

5. ตั้งแต่นั้นมา ก็มีข่าวลือและรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันแพร่สะพัดอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่า โซ วิน และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี The irrawaddy รายงานว่ายังมีข่าวลือว่าผู้จงรักภักดีของ โซ วิน มีเรื่องขัดแย้งกับกลุ่มที่ภักดีกับ มิน อ่อง หล่าย The irrawaddy ถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า "เมื่อได้ยินข่าวลือดังกล่าว ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าศัตรูที่อันตรายที่สุดของ โซ วิน อาจเป็น "ศัตรูภายใน" หรือไม่?" นั่นหมายความว่า ฝ่ายที่กำลังเป็นอันตรายต่อ โซ วิน จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ แต่เป็นคนกันเอง

6. เรื่องนี้ แม้แต่ชนกลุ่มน้อยก็รู้ว่ากองทัพมีความขัดแย้งภายใน เช่น พล.ต. ตุน มัต นาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพอาระกัน (AA) ซึ่งเคลื่อนไหวในรัฐอาระกันหรือรัฐยะไข่ และเป็นฝ่ายรุกกองทัพเมียนมาจนยึดพื้นที่ได้หลายจุด ได้กล่าวสุนทรพจน์ในวันกองทัพของกลุ่มว่า รัฐบาลเผด็จการทหารมีความแตกแยกอย่างลึกซึ้งระหว่างกองทัพและความเป็นผู้นำของรัฐบาลทหาร
 
7. การหายตัวไปของ โซ วิน และข่าวเรื่องความขัดแย้งภายใน ส่งผลกระทบต่อกองทัพเมียนมาแค่ไหน? จากรายงานของสำนักข่าว Mizzima News รายงานเมื่อปลายเดือนเมษายนว่า ข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของ โซ วิน ก็ยังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง และมีนักวิเคราะห์ทางการทหารและการเมืองกล่าวว่า "เร็วๆ นี้รัฐบาลทหารอาจประกาศเกษียณอายุของพลเอก โซ วิน เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ เพื่อแก้ไขข่าวลือและความไม่แน่นอน"

8. ถึงขนาดที่ว่ามีข่าวลือแพร่สะพัดว่า พลโท จอ สวา ลิน วัย 53 ปี ซึ่งเป็นนายพลพลาธิการคนปัจจุบัน จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้านกลาโหมของกองทัพบก แทนที่นายพลโซ วิน แต่ Mizzima ไม่สามารถยืนยันข่าวลือเหล่านี้ว่าเป็นความจริงแค่ไหน ทั้งนี้ พลโท จอ สวา ลิน เคยรบที่รัฐยะไข่มาก่อน ซึ่งตอนนี้เป็นสมรภูมิสำคัญของกองทัพกับกลุ่ม AA เสียด้วย 

9. แต่แล้วจากรายงานของสำนักข่าว Mizzima News เมื่อช่วงกลายเดือนพฤษภาคม ระบุว่า ภารกิจของ โซ วิน คือการแย่งชิงและรักษาเมืองเมียวดี "ซึ่งเป็นเมืองการค้าชายแดนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์บนทางหลวงสายเอเชีย" จากรายงานนี้บ่งชี้ถึงความสำคัญของ โซ วิน และเมียวดี ซึ่งเป็นเสมือนแห่งเข้าถึงทุนของกองทัพ แต่สถานะของ โซ วิน ในขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่ายังอยู่ในวงในของกลุ่มอำนาจหรือไม่ หรือถ้าอยู่แล้วอยู่ในสถานะที่มีอำนาจแค่ไหน? 

Photo / AFP / Thet AUNG