'ฟ่านปิงปิง' นักแสดงสาววัย 42 ปี ปรากฏตัวอีกครั้งในงานสงกรานต์ในประเทศไทย โดยได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เข้าร่วมงานสงกรานต์  นับเป็นการปรากฏตัว "อย่างยิ่งใหญ่" อีกครั้งของเธอในสายตาของแฟนๆ ต่างประเทศ หลังจากหายตัวไปจากวงการบันเทิงแผ่นดินใหญ่เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

เพราะคดีดังกล่าวทำให้เธอแทบจะหมดโอกาสในการรับงานในประเทศจีนไปแล้ว จึงต้องแสวงหางานนอกประเทศจีน จากการรายงานของสื่อภาษาจีน คือ Sing Tao Global Network เผยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟ่านปิงปิง ได้ถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในฮ่องกง เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ล่าสุดคือการได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เข้าร่วมงานสงกรานต์ แต่สือรายนี้ชี้ว่า "ไม่ทราบว่าเธอต้องการฉวยโอกาสเข้าสู่ตลาดไทยหรือไม่" 

การปรากฎตัวของ ฟ่านปิงปิง สร้างความฮือฮาในหมู่คนจีนทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และนอกแผ่นดินใหญ่พอสมควร ดังนั้น มันจึงไม่ใช่แค่การหาโอกาสทำงานนอกประเทศ แต่เป็นเหมือนการประกาศการกลับมาเจิดจรัสอีกครั้งในสปอตไลต์ของวงการบันเทิง แม้ว่าเธอจะไม่อาจรับงานที่จีนได้อีก แต่การปรากฏตัวที่ไทย จะทำให้โลกสนใจเธออย่างมากอีกครั้ง แม้แต่คนจีนก็หันมาสนใจเธอด้วย เพราะมีนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากที่เดินทางมาไทยและทราบข่าวการมาไทยของเธอ ทำให้เกิดกระแสพูดถึงอย่างมาก

แต่ในเวลาเดียวกันนั้น มีข่าวที่น่าสนใจของคนในวงการบันเทิงอีกหนึ่งคน ซึ่งหายไปจากวงการบันเทิงจีนพร้อมๆ กัน และอาจเรียกได้ว่า "หมดอนาคต" กับวงการบันเทิงจีนแผ่นดินใหญ่ไปแล้ว นั่นคือ 'จ้าวเวย' ซึ่งหายเงียบไปนานเกือบ 3 ปี ด้วยสาเหตุที่ลึกลับซับซ้อนกว่า ฟ่านปิงปิง หลายเท่า

จ้าวเวย เคยเป็นดาราดังระดับชาติและระดับโลกมาก่อน แต่จากการรายงานของสื่อภาษาจีนบางแห่งรายว่า เมื่อย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2021 ผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ทั้งหมดที่นำแสดงโดย จ้าวเวย ถูกถอดออกจากชั้นวางของแพลตฟอร์มบนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดอย่างกะทันหัน Weibo Super Chat ของเธอก็ถูกปิด ที่หนักกว่านั้นคือเธอถูกระบุว่าเป็น "ศิลปินที่ไม่ดี" จากสื่ออย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่ถูกแบนจากวงการบันเทิง แต่ธุรกิจของ จ้าวเวย ยังเสียหายอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน

สาเหตุที่ชะตาชีวิตของ จ้าวเวย เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องจากเธอและสามีนักธุรกิจผู้มั่งคั่งของเธอ คือ หวงโหย่วหลง มีส่วนร่วมกันในการฉ้อโกงทางการเงินผ่านบริษัทว่านเจียเหวินฮว่า (万家文化) ที่มีมูลค่าตลาด 10,000 ล้านในปี 2018 โดยถูกคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนจับกุมและสั่งห้ามเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ ทั้งสองยังถูกนักลงทุนจำนวนมากฟ้องร้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งหลายคดี ในปี 2019 มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากกว่า 540 คดี และ จ้าวเวย คนเดียวก็มีคดีความมากถึง 215 คดี

แต่ไม่ใช่แค่เพราะกรณีความไม่โปร่งใสทางการเมือง แต่ยังมีการวิเคราะห์กันด้วยว่าเพราะความเกี่ยวข้องระหว่างเธอกับกลุ่มการเมืองบางกลุ่มในจีน ซึ่งประสบกับชะตากรรมแบบเดียวกับเธอ 

ปรากฏว่า ในช่วงที่ ฟ่านปิงปิง ปรากฏตัวที่ไทย จ้าวเวย ก็กลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม มีรายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า จ้าวเวย อาจจะถูกปลดบล็อกจากการแบนแล้ว  เพราะชาวเน็ตจีนพบว่าแอคเคาท์ Weibo ของเธอกลับมาเป็นปกติ และชื่อของเธอก็ถูกปรากฏในผลงานการแสดงยอดนิยมในอดีตด้วย จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ชื่อของเธอถูกลบไป นอกจากนี้ ชาวเน็ตบางคนค้นพบว่า จ้าวเวย ไม่ได้ถูกบล็อกบนเว็บไซต์วิดีโอเช่น bilibili (ซึ่งป็นแพลตฟอร์มวิดีโอขนาดยาวของจีน) อีกต่อไป และผลงานที่มีชื่อเสียงของเธอ เช่น 'องค์หญิงกำมะลอ' (还珠格格)  ก็ปรากฏในแพลตฟอร์มอีกครั้ง ทำให้แฟนๆ ชาวจีนพากันดีใจ

อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน คำค้นหาในโซเชียลมีเดีย Weibo ก็ปรากฏคำว่า "ส่วนหนึ่งของหุ้นที่ จ้าวเวย ถืออยู่ถูกระงับ" (赵薇名下部分所持股权被冻结) กลายเป็นหัวข้อค้นหาที่มาแรงในโลกออนไลน์จีน

ข้อมูลของ ฉี่ฉาฉา (企查查 แพลตฟอร์มของจีนที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเครดิตองค์กรแบบครบวงจรบนมือถือแห่งแรกของโลก) แสดงให้เห็นว่าในวันที่ 11 เมษายน ส่วนหนึ่งของหุ้นที่ จ้าวเวย ถือครองอยู่ถูกระงับ โดยบริษัทเจ้าของหุ้นที่ถูกแช่แข็งคือ "บริษัทบันเทิงเหอเป่าจำกัด" (合宝文娱集团有限公司) และจำนวนทุนที่แช่แข็งอยู่ที่ 5 ล้านหยวน ระยะเวลาแช่แข็งจะถึงวันที่ 10 เมษายน 2027 และจะดำเนินการโดยศาลกลางแห่งที่ 4 ของกรุงปักกิ่ง

ตามรายงานของสื่อฮ่องกง จ้าวเวย อาจคัมแบ็กอีกครั้งในเดือนมิถุนายนปีนี้ แต่เนื่องจากมีข่าวว่า สินทรัพย์ของเธอถูกอายัติ จึงยังไม่ชัดเจนว่าเธอจะหวนกลับคืนสู่ "โลกปกติ" ได้อีกครั้งหรือไม่ 

ในขณะที่ ฟ่านปิงปิง ดูเหมือนจะ "ได้รับการให้อภัย" จากชาวจีนแล้ว จากการรายงานของ Sing Tao Global Network ชาวเน็ตจีนต่างชื่นชมการแต่งชุดไทยร่วมขบวนพาเหรดงานสงกรานต์ที่กรุงเทพฯ โดยชี้ว่าเธอดูโดดเด่นมาก ชาวเน็ตบางคนถึงกับชมว่า "ถ้าจักรพรรดิมาเห็นคุณ ก็คงอยากจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนนางสนม"