ทำไมบริษัทชั้นนำของโลก ถึงขายรถ EV ทิ้ง แล้วซื้อรถน้ำมันมาใช้แทน?
ข้อมูลเบื้องหลัง
Hertz Global Holdings หรือ Hertz เป็นบริษัทให้เช่ารถยนต์ชั้นนำของโลก และเป็นหนึ่งในสามบริษัทผู้ให้บริการรถเช่ารายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยครองส่วนแบ่งตลาด 36% เป็นหนึ่งในบริษัทเช่ารถที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลกเมื่อพิจารณาจากยอดขาย สถานที่ และขนาดยานพาหนะ โดยดำเนินงานใน 160 ประเทศ
Hertz เคยยื่นขอคุ้มครองจากสถานะล้มละลายเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2020 โดยอ้างว่ารายได้ลดลงอย่างมากและการจองในอนาคตที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 บริษัทไม่อยู่ในสถานะล้มละลายอีกต่อไป
ในเดือนตุลาคม ปี 2021 มาร์ก ฟีลด์ส (Mark Fields) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอชั่วคราวของ Hertz โดยมุ่งเน้นที่การลงทุนแบบมองไปข้างหน้า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2021 ฟีลด์ส ประกาศว่า Hertz จะซื้อรถยนต์ Tesla จำนวน 100,000 คัน โดยอ้างถึงเป้าหมายของเขาในการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะ และ Tesla เป็น "ผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่สามารถผลิต EV ได้ในวงกว้าง"
ดูเหมือนว่าในเวลานั้นและไม่นานก่อนหน้านี้ Hertz กำลังมุ่งไปสู่เส้นทางของการใช้ EV แต่ปรากฎว่าล่าสุด สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
เกิดอะไรขึ้นกับ "ความฝันรถ EV"
- ในเดือนมกราคม ปี 2024 Hertz ได้ประกาศแผนที่จะยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในจำนวนถึงหนึ่งในสามที่บริษัทครอบครองอยู่ หรือมากถึง 20,000 คัน และหันมาจะลงทุนใหม่ในรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน/ก๊าซ เนื่องจากความต้องการที่ลดลง แต่ปัญหาอีกอย่างที่น่าสนใจกว่าก็คือ พวกเขาบอกว่าค่าซ่อม EV สูง
- สตีเฟน เชอร์ (Stephen Scherr) ซีอีโอคนปัจจุบันของ Hertz กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนักวิเคราะห์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ค่าซ่อมแซมจากการชนและค่าซ่อมความเสียหายต่อรถยนต์ไฟฟ้า มักจะสูงกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปประมาณสองเท่า” เชอร์ ยังกล่าวถึงความถี่ที่ EV เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในอัตราที่สูงกว่ารถยนต์คันอื่นๆ สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคมีประสบการณ์น้อยในการใช้งาน EV
- ปัญหาอีกอย่างเกี่ยวกับ EV คือ ราคาตกเร็ว สตีเฟน เชอร์ บอกว่า “การลดลงของ MSRP (ราคาขายปลีกที่แนะนำของผู้ผลิต) ใน EV ในช่วงปี 2023 ซึ่งขับเคลื่อนโดย Tesla เป็นหลัก ได้ผลักดันให้มูลค่าตลาดที่ยุติธรรมของ EV ของเราลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งการเก็บมันไว้ทำให้เกิดการสูญเสียที่มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นภาระที่มากขึ้น”
- เรื่องราคาตกเร็วบริษัทโยนความผิดส่วนใหญ่ไปที่ Tesla ซึ่งการลดราคาทำให้บริษัทต้องปรับลดมูลค่าของ EVS ลงเร็วกว่าที่คาดไว้ และซีอีโอของ Hertz กล่าวว่า Tesla ไม่เต็มใจเหมือนกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ที่จะให้ส่วนลดมากๆ เวลาซื้อค่าอะหลั่ยสำหรับเปลี่ยนทดแทน
- ณ เวลานี้ Hertz ให้บริการ EV จาก Tesla, GM, Kia, Polestar และ Volkswagen แต่ Tesla คิดเป็นประมาณ 80% ของรถ EV ที่ Hertz ครอบครองอยู่ และ EV ทั้งหมดคิดเป็นประมาณ 11% ของรถยนต์ที่ Hertz ให้บริการเช่า แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าจะชอบรถยนต์ใช้แล้วที่ราคาเช่าถูกกว่ามากกว่า
ยอดขายกำลังชะลอตัว
ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Rho Motion และอ้างโดยสำนักข่าว Reuters พบว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV หรือ BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ข้อมูลระบุว่ายอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 31% ในปีที่แล้ว ลดลงจากการเติบโต 60% ในปี 2022 ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ EV และ PHEV ทั่วโลกทะลุ 10 ล้านคันในปี 2022 แต่ 60% เป็นรถที่จำหน่ายในจีน
หนึ่งในสาเหตุที่ยอดขายจะลดลงต่อไปในบางประเทศ เพราะรัฐบาลยกเลิกมาตรการอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เช่น ในเยอรมนี ซึ่งสอดคล้องกับรายงานโดยบริษัทวิจัย Canalys ชี้ให้เห็นว่าอัตราการเติบโตของตลาด EV ทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 27.1% ในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลต่างๆ ลดเงินอุดหนุนทำให้ดึงดูดผู้ซื้อน้อยลง
Photo - ภาพประกอบข่าว คือ รถซีดาน Tesla Model S กำลังชาร์จกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Supercharger ในฟอลส์เชิร์ช รัฐเวอร์จิเนีย วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2023 (ภาพโดย SAUL LOEB / AFP)