ช่วงนี้มีคนพูดถึงบ่อยๆ เรื่องนักท่องเที่ยวจีนและชาติอื่นๆ เลือกที่จะไม่มาเที่ยวไทย แล้วมุ่งไปที่เวียดนามมากกว่า
ผมจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน คนจีนยังบอกผมว่า "จะไปเที่ยวเวียดทำไม ประเทศนี้เหมือนจีนไปหมด"
นั่นก็จริง เพราะเวียดนามเหมือนกับ "จีนน้อย" เป็นเงาของจีนแทบทุกอย่าง ไม่มีอะไรตื่นตาเหมือนเมืองไทย ซึ่งราวกับเป็น "แดนพิศวง" ในสายตาคนจีน
แต่แล้วตอนนี้คนจีนกลับลดการมาไทย แล้วไปเติมจำนวนที่เวียดนามแทน
ตัวเลขกระทรวงการคลังเวียดนามแสดงให้เห็นว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21.7% จากปีก่อนหน้า ในจำนวนนี้ นักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนมากกว่า 3.5 ล้านคน คิดเป็น 25.4% เพิ่มขึ้น 44.3% จากปีก่อนหน้า
เทียบกับ ข้อมูลขอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยในช่วง 7 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ก.ค. 2568 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยจำนวนสะสม 19 ล้านคน ลดลง 6.35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นักท่องที่ยวจีนเข้าไทย 2.6 ล้านคน
ยังไม่พอ สถิติจากกรมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ระบุว่า สิงคโปร์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้ 2.3 ล้านคนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังมีอีก การท่องเที่ยวมาเลเซียรายงานว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นแตะ 2.18 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 35.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่ายอดรวมของทั้งปีในปีที่แล้วแล้ว
ดังนั้น มีแต่ไทยเท่านั้นที่ถดถอย
ตัดภาพกลับมาที่เวียดนาม เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศจีน ฝ่าม แทง บิญ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือนเวียดนามจะเกิน 6 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้
เขามั่นใจกับอนาคตเข้าขนาดนั้น
ส่วนเมืองไทย "รัฐบาล" ก็ชั่วคราว ปีหน้าก็ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้ เพราะกว่าจะมีรัฐบาลไหมก็คงจะปาเข้าไปกลางปีแล้ว ถึงตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่ากัมพูชาจะก่อกวนด้วยการยิงใส่ไทยไปอีกกี่ครั้ง
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้เวียดนามที่แม้จะไม่ได้มีนโยบาย "ฟรีวีซ่า" ให้คนจีนด้วยซ้ำ แต่คนจีนก็ยังแห่กันเข้าไป
ส่วนไทยประเคนฟรีวีซ่าให้จีนมาเป็นปีแล้ว แต่คนจีนกลับเข้ามาน้อยลง ส่วนสิงคโปร์กับมาเลเซียกับได้อานิสงส์จากเรื่องนี้ มองดูแล้วคิดไม่ออกว่าผลของไทยกับเพื่อนบ้านมันจะสวนทางกันได้ยังไง?
เหตุผลที่คนจีนเลือกเวียดนามนั้นก็ว่ากันไปต่างๆ นานา บางคนถึงกับบอกว่า เวลาไปจีนแล้วออกด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จะถามคนจีนเซ้าซี้ว่า "ไปเมืองไทยทำไม" ราวกับว่าต้องการถ่วงไม่ให้มาไทย
เรื่องนี้ผมก็เจอเองกับตัว แต่มันไม่ใช่การขัดขวางคนจีนไม่ให้มาไทย หากแต่เป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐจีนเพื่อตรวจให้ละเอียดว่าคนของตัวเองจะไปเมืองไทยเพื่อหวังจะทำอะไรมิบังควรหรือไม่ เช่น เป็นพวกทุนเทา หรือแอบไปเป็นสแกมเมอร์
เรื่องนี้ดีต่อไทยชัดๆ
หลายๆ คนเห็นว่าข้อหลักๆ ที่ทำให้คนจีนไม่อยากจะมาไทยก็คือ หนึ่ง คนจีนกลัวปัญหาสแกมเมอร์ (คือกลัวถูกลักพาตัวไปทำงานทาสตามประเทศเพื่อนบ้านเรา)
และ สอง ของกินของใช้บ้านเราแพงจนไม่ใช่ "ประเทศถูกๆ" ในสายตานักท่องเที่ยว บวกกับค่าเงินบาทแข็งเอาๆ
ข้อสองนี้ ท่าจะมีน้ำหนักเอาการ กระทั่งมีคำพูดในหมู่คนจีนว่า "เที่ยวไทยแพงกว่าไปญี่ปุ่นเสียอีก"
คำกล่าวนี้จะยิ่งมีน้ำหนัก เพราะเกาหลีใต้กำลังจะให้ฟรีวีซ่ากับคนจีน แม้คนเกาหลีจะเหยียดและดูแคลนคนจีนแค่ไหน แต่ตอนนี้เกาหลีต้องการเงินจากทัวร์จีนที่สุด
คนจีนไปเที่ยวเกาหลีใต้ก็ไม่ใช่น้อย และเกาหลีใต้ก็แพงไม่ใช่น้อย แต่ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงคนจีนเข้าไปเที่ยว
คู่แข่งของไทยเพิ่มมาแล้วอีกหนึ่ง
ส่วนในไทยนั้นไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรดีขึ้นเลย เพราะผมได้ยินทั้งคนต่างชาติบ่น และได้ยินคนไทยบ่นเองว่า ของกินของขึ้นแพงขึ้นมาก จนกระทั่งเรียกร้องให้รัฐบาลเอาใจใส่กันบ้าง
โปรดทราบว่าค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวในประเทศไทยสูงกว่าเวียดนามประมาณ 30%
และยุทธศาสตร์ของเวียดนามก็แหลมคมมาก เพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้เวียดนามโปรโมทเมืองต่างๆ ของตนว่ามีราคาถูกที่สุดในโลกจากการจัดอันดับโดยสถาบันต่างๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะ "ของแพง" คือสิ่งที่จะเป็นตัวปรับ 'โครงสร้างการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้' อันมีคนจีนเป็นแรงขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงนี้
นั่นคือ ไทยจะถดถอย เวียดนามจะรุ่งเรือง มาเลเซียกับสิงคโปร์ก็แซงไทยไปแล้ว
แม้สิงคโปร์และมาเลเซียจะแพงกว่าไทย แต่เพราะ "ความปลอดภัย" ของทั้งสองประเทศมีน้ำหนักมากกว่าไทย กรณีนี่ถือเป็นข้อยกเว้น
เรื่องของแพงเราจะพูดกันต่อไป แต่เรามาลองวิเคราะห์เรื่องความปลอดภัยกันดูก่อน ที่ผมบอกว่าเป็นเพราะข้อแรก คือ คนจีนระแวงเรื่องสแกมเมอร์ นั่นใช่หรือไม่?
อาจเป็นไปได้ สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่งก็คือ คนจีนไม่ชอบ "ความโกลาหล" หากมีความโกลาหลพวกเขาจะไม่ยอมไปเฉียดกายเข้าไปใกล้
ประเทศไทยนั้นวุ่นวายไปหมด ทั้งการเมืองก็ไม่นิ่ง การสงครามก็ไม่สงบ การฉ้อโกงก็มีอยู่ทุกหนแห่ง โดยที่ไม่มีการ "ปลอบประโลม" ทัวร์จีนให้คลายความกังวลเรื่องพวกนี้เลย
ตรงกันข้ามกับเวียดนามที่มีการเมืองนิ่ง บ้านเมืองปลอดภัยและสะดวกพอๆ กับไทยแล้ว ที่สำคัญอาหารไม่แพง
แต่นั่นเป็นภาพลวงตาเหมือนกัน เพราะเรื่องสแกมเมอร์นั้น ผมจะบอกให้ว่าตอนนี้เวียดนามเป็นแหล่งที่คนจีนถูกลักพาตัวหรือใช้เป็นช่องทางเข้าไปในแดนสแกมเมอร์ในกัมพูชา อาจจะมากกว่าไทยเสียอีก เพราะพรมแดนไทยกับกัมพูชานั้นถูกปิดลงแล้ว
ข่าวในจีนมีเรื่องนี้หลายๆ กรณีต่อสัปดาห์เพียงแต่ไมได้เอยคำว่า "เวียดนาม" แต่เอ่ยว่าหากไปจากชายแดนจีนในมณฑลใกล้ๆ เวียดนาม แสดงว่าเวียดนาม "เริ่มไม่ปลอดภัย" เพียงแต่เวียดนามยังโชคดีที่สังคมจีนยังไม่สังเกตในเรื่องนี้
ผมคาดว่าเพราะคนจีนเพ่งเล็งมากที่เมียนมา กัมพูชา และไทยมากกว่าหากจะพูดถึงการ "ลักพาตัวไปเป็นทาสสแกมเมอร์"
แน่นอน ไทยก็ยังมีกรณีแบบนี้จากการเปิดโปงโดยสำนักข่าว Reuters เพียงแต่เหยื่อไม่ใช่คนจีน แต่เป็นคนนานาชาติ โดยผู้ประสานงานหลอกลวงคือ "เจ้าหน้าที่รัฐ" บางกลุ่ม
เรื่องนี้ก็อีก หากรัฐบาลปล่อยให้ "ข้าราชการใต้ดิน" หากินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ต่อให้มี อนุทิน ชาญวีรกูล พูดจีนได้สิบสำเนียง หรือมี "อนุทินอีกสิบร่าง" ไปต้อนรับทัวร์จีนถึงสนามบินก็ไม่มีทางที่ชาวต่างชาติจะอุ่นใจ
ต้องล้างบางมันลูกเดียวครับ นั่นคือกำจัดต้นตอของความเสื่อมถอยเสียก่อน (คนกลัวความปลอดภัยและกลัวของแพง) จากนั้นค่อยส่งเสริมความน่าเที่ยวของไทยกันใหม่ เอาให้เพื่อบ้านลอกการบ้านเราไม่ทันไปเลย
แต่บอกเลยว่าไม่ง่าย
กลับมาที่เรื่องต้นทุนการเที่ยว มีคนบอกผมว่า เหตุที่คนจีนมาเที่ยวไทยน้อยลง ไม่ใช่เพราะไปเวียดนามมากขึ้น แต่เพราะ "เงินไม่พอเที่ยว" ต่างหาก เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี
แม้จะบอกอย่างนี้ก็ยังเกี่ยวกับเรื่องต้นทุนเที่ยวที่ถูกกว่าไทยอยู่ดี
แน่นอนว่า ผมเชื่อว่าการเลือกเวียดนามเหนือไทย เป็นการเลือกเที่ยวที่ใหม่ๆ มากกว่า กระนั้นก็ตาม คนจีนก็อยากจะมาซ้ำไทยหลายครั้งเหมือนกัน แต่ซ้ำไม่ไหว เนื่องจากงบน้อยลง ในเมื่อเวียดนามมีสภาพที่เอื้อต่อการเที่ยวมากขึ้น และคนจีนมากมายยังไม่เคยไป จึงหันไปเที่ยวเวียดนามกันก่อน ในทำนอง "ลองดู"
หากเศรษฐกิจจีนดีขึ้น โอกาสที่คนจีนจะมาเที่ยวซ้ำไทยก็จะมากขึ้น คนจีนงบน้อยที่ไม่เคยมาไทยก็จะสามารถซื้อทัวร์ได้
แต่เพราะเศรษฐกิจจีนไม่ดีเอาเลย สังเกตได้จากร้านอาหารต่างๆ ปิดกันระนาว โดยเฉพาะเชนร้านอาหารใหญ่ๆ ยังไปไม่รอด นั่นแสดงว่าคนจีนลดการใช้จ่ายลง เพราะการกินข้าวนอกบ้าน ถือเป็นดัชนีชี้วัดอย่างหนึ่ง
แต่ใจก็อยากเที่ยวนอกอยู่ เพราะแม้จะเงินน้อยลงแต่ก็ยังอยากจะมีไลฟ์สไตล์เดิมๆ ดังนั้นเที่ยวที่ไหนถึงจะคุ้มที่สุดและประหยัดสุด ก็ย่อมเป็นเวียดนาม ณ เวลานี้
เวียดนามเป็นเงาน้อยๆ ของจีน แต่มันก็ยังถือเป็น "ต่างประเทศ" และคุ้มค่าในการไป ส่วนเกาหลีใต้ก็เคยมีฉายาว่า "จีนน้อย" แต่คนจีนก็อยากไป ส่วนหนึ่งเพราะกำแพงด้านวีซ่าถูกทำลายลงแล้ว
ของใหม่ย่อมดีกว่า "ฟรีวีซ่าไทย" ที่ได้แต่กินบุญเก่า ไม่มีอะไรหวือหวา แถมแพงอีกต่างหาก
ผมจึงเชื่อว่าหากไม่สามารถแก้ทัศนะที่ว่า "เมืองไทยเที่ยวไม่คุ้มราคา" หรือว่า "ไม่มีเงื่อนไขใหม่ๆ ที่น่าสนใจ" คนจีนก็จะไม่กล้ามาไทยไปเรื่อยๆ แต่เรื่องนี้ไม่อาจแก้ได้ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะรากเหง้าคือปัญหาเศรษฐกิจในจีนเอง
ทั้งหมดนี้คือ 'การปรับโครงสร้างการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ของการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้'
ประเทศไทยรู้ตัวหรือยัง?
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - (ภาพประกอบข่าว) แฟนบอลเวียดนามสวมผ้าคาดศีรษะขณะเดินทางมาถึงสนามราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน อิเล็กทริก คัพ 2024 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ระหว่างไทยกับเวียดนาม ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 (ภาพโดย Chanakarn LAOSARAKHAM / AFP)