"ขวาจัดต่อต้านจีน" เจาะแนวคิดของว่าที่นายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น

ซานาเอะ ทาคาอิจิ (高市 早苗 เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2504) เป็นนักการเมืองชาวญี่ปุ่น ที่เพิ่งได้รับเลือกให้เตำแหน่งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party หรือ LDP) ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2568 เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ เธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายตำแหน่งภายใต้นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และล่าสุด เพราะการเป็นหัวหน้าพรรค LDP จึงทำให้เธอกำลังจะกลายเป็นนายกรัญมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ประวัติย่อ
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโกเบ ทาคาอิจิได้เป็นนักเขียน ผู้ช่วยฝ่ายนิติบัญญัติ และนักจัดรายการวิทยุก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมือง เธอได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิสระในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2536 และเข้าร่วมพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในปี พ.ศ. 2539 ทาคาอิจิเป็นศิษย์ของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ เธอดำรงตำแหน่งต่างๆ ในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร เธอเคยลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ในปี พ.ศ. 2564 แต่สุดท้ายก็ตกรอบก่อนการเลือกตั้งรอบสอง โดยได้อันดับที่สาม

ในช่วงที่ฟูมิโอะ คิชิดะ เป็นนายกรัฐมนตรี เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ถึง 2567 ทาคาอิจิลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2567 โดยได้อันดับหนึ่งในรอบแรก แต่พ่ายแพ้อย่างหวุดหวิดให้กับชิเงรุ อิชิบะในการเลือกตั้งรอบสอง เธอลงสมัครอีกครั้งในปี 2568 และได้อันดับหนึ่งในการลงคะแนนเสียงทั้งสองรอบ กลายเป็นหัวหน้าพรรคและเอาชนะชินจิโร โคอิซูมิ หากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยสภาไดเอท เธอจะเป็นทั้งผู้หญิงคนแรกและชาวจังหวัดนาราคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้

แนวคิดขวา
ทาคาอิจิเป็น "ผู้ยึดมั่นในแนวคิดอนุรักษ์นิยมอย่างเหนียวแน่น" และ "ผู้ยึดมั่นในแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง" รวมถึงการต่อต้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน และการสนับสนุนให้คู่สมรสใช้นามสกุลเดียวกันหลังแต่งงาน เธอกล่าวว่าแผนความเท่าเทียมทางเพศของรัฐบาลในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 อาจ "ทำลายโครงสร้างทางสังคมที่อิงตามหน่วยครอบครัว" และในการสำรวจสำมะโนประชากรปี พ.ศ. 2563 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร เธอกล่าวว่า "การแต่งงานในประเทศของเราจำกัดอยู่เฉพาะคู่รักต่างเพศเท่านั้น และจำเป็นต้องมีการแยกแยะ" และประกาศนโยบายไม่นับรวมครัวเรือนที่มีคู่รักเพศเดียวกัน  

เธอยังเป็นสมาชิกของนิปปอน ไคกิ องค์กรชาตินิยมสุดโต่งของญี่ปุ่น และได้โต้แย้งว่าอาชญากรรมสงครามของญี่ปุ่นนั้นได้รับการนำเนอเกินจริง และอ้างว่าจักรวรรดิอาณานิคมญี่ปุ่นได้ต่อสู้ "สงครามป้องกันตนเอง" ก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ในเรื่องนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีจุดยืนอย่างเป็นทางการที่จะยึดถือตามแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี (แถลงการณ์มุรายามะ) เกี่ยวกับการกระทำของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งระบุว่า “เราขออภัยต่อการรุกรานของจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อประเทศในเอเชีย” ทาคาอิจิคัดค้านเรื่องนี้ โดยระบุว่า “แถลงการณ์มุรายามะควรได้รับการแก้ไข” 

นอกจากนี้ ทาคาอิจิยังดำรงตำแหน่งรองประธานการประชุมรัฐสภาของสมาคมผู้นำทางจิตวิญญาณชินโต หรือ ชินโต เซอิจิ เรนเมอิ ซึ่งสนับสนุนการฟื้นฟูพิธีกรรมทางศาสนาชินโตและการศึกษาทางศีลธรรม โดยแนวคิดแบบนี้ยงสะท้อนค่านิยมทางศาสนาและศีลธรรมในสมัยก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 

เธอสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น ให้ญี่ปุ่นกลับมามีกองทัพของตนเองได้อีกครั้ง และทาคาอิจิยังสนับสนุนการลงโทษสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลญี่ปุ่นและจำคุกผู้ที่ทำลายธงชาติญี่ปุ่น เธอกล่าวว่า "ธงชาติทุกผืนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันและด้วยความเคารพ" และได้ร่างกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดความผิดฐานทำลายธงชาติญี่ปุ่นใหม่ ซึ่งจะมีโทษเช่นเดียวกับการทำลายธงชาติต่างประเทศ ซึ่งมีโทษฐานทำลายตราแผ่นดินต่างประเทศ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เธอได้ร่วมกับสมาคมเอกภาพอนุรักษ์นิยม ยื่นคำร้องเรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาต่อฮิโรฟูมิ ชิโมมูระ ประธานสภาวิจัยนโยบาย 

เรื่องการสืบทอดราชสมบัติ ทาคาอิจิคัดค้านการสถาปนาจักรพรรดิหญิง โดยโต้แย้งในปี พ.ศ. 2564 ว่าเชื้อพระวงศ์ชายของราชวงศ์เดิมควรได้รับการคืนสู่ราชวงศ์หรือรับเป็นบุตรบุญธรรม (เชื้อพระวงศ์จำนวนมากถูกปลดจากสถานะเขชื้อพระวงศ์หลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทำให้ขาดแคลนเชื้อพระวงศ์ชาย)โดยระบุว่า "ประเพณีสืบทอดราชวงศ์จักรพรรดิที่สืบทอดกันมายาวนาน 2,000 ปี คือที่มาของจักรพรรดิ" 

ในปี พ.ศ. 2549 เธอโต้แย้งว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้คัดค้านจักรพรรดิหญิง แต่หากเราอนุญาตให้มีจักรพรรดิหญิง ในอนาคตบรรพบุรุษโดยตรงของจักรพรรดิทั้งหญิงและชายอาจกลายเป็นพลเรือนได้" และ "โครโมโซม Y1 ของจักรพรรดิองค์แรก ซึ่งได้รับการสืบทอดมาอย่างถูกต้อง จะสูญหายไป" 

อ้างฮิตเลอร์
แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 ทาคาอิจิ  กับ ยามาดะ คาซุนาริ หัวหน้าพรรคแรงงานสังคมนิยมญี่ปุ่นแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มพลเมืองญี่ปุ่นที่มีความเชื่อมโยงกับนาซีเยอรมนี ได้ถ่ายภาพร่วมกันหน้าธงชาติญี่ปุ่น ตามรายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนัก รวมถึง AFP และ The Guardian ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557  เกี่ยวกับปัญหานี้ ทาคาอิจิกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 12 ของเดือนเดียวกันว่า "พูดตรงๆ เลยนะ มันเป็นการกระทำของพระเจ้า" และอ้างว่า "ถ้าฉันรู้เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องหรืออุดมการณ์ของเขา ฉันคงไม่ได้พบเขา" แต่หนังสือพิมพ์โตเกียวชิมบุนแสดงความเห็นว่า "ในยุโรป เรื่องนี้ (เป็นความผิด) สมควรลาออกทันที"

ช่วงเวลาเดียวกันในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 มีรายงานว่าทาคาอิจิได้เขียนคำแนะนำสำหรับหนังสือ "ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของฮิตเลอร์" ในปี พ.ศ. 2537 หนังสือเล่มนี้ยกย่องความสามารถของฮิตเลอร์ในการ "รวบรวมความคิดเห็นสาธารณะและยึดอำนาจได้ภายในระยะเวลาอันสั้น" และอภิปรายถึงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของเขา เช่น "การกำจัดศัตรูด้วยมาตรการฉุกเฉิน" 

หนังสือเล่มนี้อ้างอิงจากอัตชีวประวัติของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี เรื่อง "Mein Kampf" และยกย่องกลยุทธ์ทางการเมืองของเขา โดยเสนอแนวทางที่นักการเมืองญี่ปุ่นควรปฏิบัติตามเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ผู้เขียนคือโยชิโอะ โคกาเอะ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของพรรค LDP สาขาโตเกียว ทาคาอิจิเข้าร่วม LDP ในปีเดียวหลังจากที่เธอได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 

ผู้เขียนคือโยชิโอะ โคกาเอะกล่าวว่ากลยุทธ์ของฮิตเลอร์มีหลายแง่มุมที่นักการเมืองญี่ปุ่นยุคใหม่ (ในขณะนั้น) สามารถเรียนรู้ได้ และได้แนะนำกลยุทธ์ต่างๆ เช่น "การโฆษณาชวนเชื่อสู่มวลชนเป็นพื้นฐาน" "การใช้กลยุทธ์ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง" "การปิดปากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่อาจโน้มน้าวใจได้" และ "การทำลายหลักฐานอย่างละเอียดก่อนที่ตำรวจจะเริ่มการสืบสวน"

ในเวลานั้น ทาคาอิจิให้การสนับสนุนหนังสือเล่มนี้ โดยเขียนว่า "ทันทีที่ดิฉันได้รับการยอมรับให้เป็นผู้สมัคร ดิฉันถูกใส่ร้าย ถูกใส่ร้าย และถูกข่มขู่ ครอบครัวของดิฉันและดิฉันต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ดังที่ผู้เขียนแนะนำ เส้นทางสู่ชัยชนะคือ 'ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า' เยาวชนผู้มีความรักและความฝันต่อประเทศชาติและบ้านเกิดในหัวใจ จงร่วมรับความท้าทายนี้!" 

แต่ในการตอบสนองต่อรายงานที่ตีแผ่ตัวเธอในเรื่องนี้ในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นเวลา 20 ปีหลังจากการตีพิมพ์ สำนักงานของทาคาอิจิได้ตอบกลับว่า "เราไม่มีบันทึกเกี่ยวกับคำแนะนำดังกล่าวและไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ตัวทาคาอิจิเองก็ไม่รู้จักผู้เขียน"

ต่อต้านจีน
ในด้านนโยบายต่างประเทศ ทาคาอิจิเป็นพวกต่อต้านจีนอย่างหนัก เธอวิพากษ์วิจารณ์แนวทางปฏิบัติทางเศรษฐกิจของจีน เช่น ข้ออ้างเรื่องจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และสนับสนุนให้ญี่ปุ่นลดการพึ่งพาจีนทางเศรษฐกิจ เธอได้เสนอให้สหรัฐฯ ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในญี่ปุ่น (ซึ่งจะยิ่งทำให้จีนไม่พอใจ) และนำทุ่นทะเลที่จีนติดตั้งไว้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทหมู่เกาะเซ็นกากุออกไป 

ขณะที่เธอต่อต้านจีน เธอก็สนับสนุนไต้หวันอย่างออกนอกหน้า โดยในเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 เธอได้เดินทางเยือนไต้หวันและพบกับประธานาธิบดี ไล่ชิงเต๋อ เธอได้กล่าวซ้ำคำกล่าวของชินโซ อาเบะ ที่ว่า "ภาวะฉุกเฉินของไต้หวันคือภาวะฉุกเฉินของญี่ปุ่น" ในระหว่างการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเธอได้อันดับที่สาม นโยบายจีนของเธอถือเป็นนโยบายที่เข้มงวดที่สุดในบรรดาผู้สมัครทั้งสี่คน

เนื่องจากมีท่าทีสนับสนุนการแก้ต่างให้การรุกรานจีนและเกาหลีของจักรวรรดิญี่ปุ่น ทาคาอิอิจิ จึงมีท่าทีเหยียดหยามจีนและเกาหลีใต้จนกระทั่งถูกตำหนิอย่างหนัก นอกจากนี้ ในเดือนเมษายนและสิงหาคม พ.ศ. 2567 เธอได้ไปยังศาลเจ้ายาสุกุนิโดยทั้งสองครั้งได้ลงนามในฐานะรัฐมนตรี และเธอได้ไปยังศาลเจ้าแห่งนี้เป็นประจำด้วย ซึ่งนี่คือศาลเจ้าที่จีนและเกาหลีถือเป็นสัญลักษณ์ แห่งสงคราม เพราะเป็นอนุสรณ์สถานของผู้เสียชีวิตกว่า 2.4 ล้านคนในกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงอาชญากรสงครามระดับ A จากสงครามโลกครั้งที่สองด้วย การไปเยือนศาลเจ้าแห่งนี้ของนักการเมืองญี่ปุ่นมักทำให้จีนและเกาหลีตอบโต้อย่างรุนแรงเสมอ แต่เธอบอกว่าเธอจะยังคงไปเยี่ยมศาลเจ้าแห่งนี้หากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ซานาเอะ ทาคาอิจิ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) พรรครัฐบาลญี่ปุ่น เข้าร่วมการแถลงข่าวหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของพรรค LDP ที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ซานาเอะ ทาคาอิจิ พรรคอนุรักษ์นิยม ได้กล่าวยกย่อง "ยุคใหม่" เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม หลังจากชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรครัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้เธอก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ (Photo by Yuichi YAMAZAKI / POOL / AFP)

TAGS: #ซานาเอะทาคาอิจิ #LDP #ญี่ปุ่น #ฝ่ายขวา