เทรนด์ wearable 2025 กำลังเปลี่ยนสู่สายรัดสุขภาพแบบ screen-less เจาะลึก Whoop 5.0, Polar Loop และ Amazfit Helio ใครคือตัวจริง?

เทรนด์การใส่ wearable เปลี่ยนไปมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่นาฬิกาหรือสายรัดข้อมือถูกใช้เพียงเพื่อนับก้าวหรือวัดแคลอรี่ กลายเป็นยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลสุขภาพเชิงลึกมากขึ้น เราไม่ได้อยากรู้แค่ว่าเดินกี่ก้าว แต่เราอยากรู้ว่าการนอนมีคุณภาพแค่ไหน ร่างกายฟื้นตัวพร้อมออกกำลังกายหรือยัง และความเครียดในชีวิตประจำวันส่งผลต่อร่างกายอย่างไร

ในกลุ่มนี้ Whoop ถูกพูดถึงมากที่สุดในฐานะสายรัดสุขภาพที่ไม่มีหน้าจอแต่เต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตและการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น HRV (Heart Rate Variability), Recovery Score, Strain Score หรือ Sleep Analysis จุดแข็งของ Whoop คือการวิเคราะห์เชิงลึกที่ทำให้หลายคน โดยเฉพาะนักกีฬาและคนที่ซีเรียสกับ performance รู้สึกเหมือนมีโค้ชส่วนตัวอยู่บนข้อมือ แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนลังเลก็คือราคาและการที่ต้องจ่าย subscription รายเดือน เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์เต็ม ๆ

ทั้งนี้ Whoop 5.0 เปิดตัวทั่วโลกช่วงปลายปี 2024 และมีการนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทยโดย TSM Active ร้าน multi-brand ด้าน fitness tech ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ช่องทางที่สามารถหาซื้อได้

เมื่อ Whoop เริ่มสร้างเทรนด์ ก็ไม่น่าแปลกที่เราจะเห็นผู้เล่นรายอื่นลงมาลุยตลาดเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ Polar แบรนด์เก่าแก่ที่เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์กีฬาและหัวใจ ได้เปิดตัว Polar Loop ในรูปแบบใหม่เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 มาพร้อมคอนเซ็ปต์ screen-less เช่นกัน จุดขายที่ทำให้หลายคนหันมามองคือ “ไม่มี subscription” ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ยาว ๆ โดยยังคงมีฟีเจอร์หลักอย่างการวัดการนอน, HRV และการฟื้นตัว (Nightly Recharge) ตลอดจนแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ราว 8 วัน เรียกได้ว่า Polar เลือกจะไม่เล่นเกมบริการรายเดือน แต่พยายามวางตัวเองให้เป็นทางเลือกที่เรียบง่ายและจับต้องได้มากกว่า Whoop

โดย Polar Loop รุ่นใหม่นี้เพิ่งเริ่มส่งมอบล็อตแรกในยุโรปและอเมริกา แต่ในไทยยัง ไม่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ตอนนี้ หากสนใจอาจต้องพึ่งร้านนำเข้าหรือสั่งผ่านออนไลน์จากต่างประเทศ

อีกแบรนด์ที่สร้างเสียงฮือฮาคือ Amazfit ที่เปิดตัว Helio Strap เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2025 ซึ่งก็หยิบเอาแนวทางแบบ Whoop มาใช้ชัดเจน ทั้งการเป็นสายรัด minimalist ไม่มีหน้าจอ และการโฟกัสไปที่ข้อมูลอย่างการนอนและการฟื้นตัว โดย Amazfit ใช้ชื่อระบบว่า Biocharge ซึ่งทำงานคล้าย Recovery Score ของ Whoop รวมทั้งมีฟีเจอร์ Exertion สำหรับบอกว่าร่างกายถูกใช้งานหนักแค่ไหนในแต่ละวัน และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้น่าจับตาคือ ราคาและเงื่อนไขการใช้งานที่ไม่บังคับ subscription เช่นกัน แม้หลายรีวิวยังบอกว่าแอป Zepp และความแม่นยำของเซนเซอร์บางจุดอาจยังไม่สมบูรณ์เท่า Whoop แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกที่น่าสนใจของ Amazfit ในตลาดนี้

ปัจจุบัน Amazfit Helio Strap มีขายในบางประเทศ เช่น US และยุโรป แต่ ยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ปัจจุบันหากอยากได้ต้องสั่งผ่านตัวแทนนำเข้า หรือร้านออนไลน์ที่รับ pre-order จากต่างประเทศ

คำถามคือ ทั้ง Polar Loop และ Amazfit Helio เป็น “คู่แข่ง Whoop” จริง ๆ หรือแค่ตามกระแส? คำตอบอาจอยู่ตรงกลาง เนื่องจากทั้งสองแบรนด์ได้พิสูจน์ว่ามีตลาดใหญ่สำหรับคนที่อยากได้ wearable แบบ screen-less ที่เน้นข้อมูลสุขภาพจริงจัง แต่ไม่อยากจ่ายรายเดือนเหมือน Whoop เพียงแต่ในแง่ ecosystem และความเข้มข้นของข้อมูล Whoop ยังมีความได้เปรียบอยู่มาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้น performance สูงสุด

อย่างไรก็ตาม กระแสที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า คนเริ่มโหยหาการใช้ wearable ที่ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน ไม่ต้องมีหน้าจอและการแจ้งเตือนมากมาย แต่เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานเงียบ ๆ คอยบอกข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็น Polar Loop หรือ Amazfit Helio จึงอาจไม่ใช่แค่ “ตามกระแส” แต่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าอนาคตของ wearable กำลังเดินไปในทิศทางที่ “น้อยแต่พอดี” — และท้ายที่สุด ผู้ใช้ต่างหากที่จะเป็นคนตัดสินว่าใครคือตัวจริง