นักวิจัยจีนชี้ คนกินของทอด เสี่ยงวิตกกังวลเพิ่ม 12% และซึมเศร้าเพิ่ม 7%

นักวิจัยจีนชี้ คนกินของทอด เสี่ยงวิตกกังวลเพิ่ม 12% และซึมเศร้าเพิ่ม 7%
ของมัน ของทอด ความสุขง่ายๆ ที่หลายคนปฏิเสธไม่ลง แต่เบื้องหลังความกรอบอร่อยนั้น อาจมีผลต่อสุขภาพกายและใจมากกว่าที่คิด

ไส้กรอกทอด ลูกชิ้นทอด กล้วยทอด เฟรนฟรายด์ทอด แค่เห็นชื่อเมนูก็อาจทำให้หลายคนถึงกับน้ำลายสอ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นเมนูที่หากินง่าย วิธีการกินก็ง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันที่เร่งรีบและต้องการความสะดวกสบาย แต่นั่นคงไม่ดีแน่ หากร่างกายได้รับอาหารเหล่านั้นในปริมาณที่มากเกินไป นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายแล้ว ยังมีผลต่อความรู้สึกทางอารมณ์ รวมไปถึงสุขภาพใจที่เราอาจไม่รู้ตัว อย่าง ภาวะโรคซึมเศร้า 

ไม่เพียงแต่เสน่ห์จากรสชาติหรือวิธีการกินที่ง่ายดายเท่านั้น แต่เสียงกรุบกรอบเมื่อเราต้องกัดหรือเคี้ยว ยังมีส่วนสำคัญที่ดึงดูดใจให้คนชอบกินเมนูของมันหรือของทอดอีกด้วย ดร. อลัน เฮิร์ช นักวิจัยด้านกลิ่นและรสชาติ เรียกเสียงกรุบกรอบที่เกิดขึ้นว่า เป็นเสียงดนตรีแห่งการเคี้ยว เป็นเสียงชนิดหนึ่งที่กระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินของเรา และยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสในการกินของเราให้มีอรรถรสมากขึ้นอีกด้วย 

แม้ของมันหรือของทอด จะเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน แต่ก็ต้องยอมรับว่า เมนูเหล่านั้นจะมาพร้อมกับสารเคมีชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ความร้อนสูงกับอาหารประเภทแป้งและน้ำมัน โดยเฉพาะการทอด เรียกว่า “อะคริลาไมด์” (Acrylamide) มีงานวิจัยบางชิ้นพบว่า สารชนิดนี้ส่งผลต่ออาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้ แม้จะยังไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน และยังต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป แต่นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนใจของคนที่ชื่นชอบเมนูเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี 

ผลการศึกษาจากประเทศจีน โดยมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง หางโจว ประเทศจีน ยังพบว่า คนที่ชื่นชอบการกินของทอด มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการวิตกกังวลมากกว่าคนไม่กินร้อยละ 12 และเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้ากว่าร้อยละ 7 

แต่ไม่ได้หมายความว่า นักวิจัยเหล่านั้นจะห้ามไม่ให้กินเมนูของมันหรือของทอดเสียทีเดียว เพียงแค่กินในปริมาณที่พอเหมาะ 

แล้วกินขนาดไหนถึงจะไม่มากจนเกินไป สำนักโภชนา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้คำแนะนำการกินของทอดของมันในแต่ละวันไว้ว่า หากต้องการกินไขมันให้น้อยเท่าที่จำเป็นในแต่ละวัน ควรบริโภคน้ำมันไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือในปริมาณ 30 กรัม 

ยกตัวอย่างปริมาณน้ำมันในแต่ละเมนู เช่น ไข่ดาว ไข่เจียว เมนูที่แทบจะมีอยู่ในทุกมื้อของอาหาร มีน้ำมัน 4-5 ช้อนชา หรือจะเป็นเมนูสตรีทฟู้ด อย่าง ไส้กรอกทอด 1 ชิ้น มีน้ำมัน 3 ช้อนชา, ปาท่องโก๋ 1 คู่ มีน้ำมัน 1 ช้อนชา, มันฝรั่งทอด 20 ชิ้น มีน้ำมัน 3 ช้อนชา, หมูทอด 1 ชิ้น มีน้ำมัน 3 ช้อนชา

สิ่งที่ควรทำคือ หากอดใจได้ ควรหลีกเลี่ยงการกินของทอดติดต่อกันทุกมื้อ และพยายามเว้นอย่างน้อย 1–2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้พักจากการรับไขมันส่วนเกิน และลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและใจ 

“ของมันหรือของทอด” อาจเป็นเมนูที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพียงชั่วคราว แต่ถ้ากินมากเกินไป ก็อาจฝากรอยไว้กับสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจแบบไม่รู้ตัว การรู้ลิมิตของตัวเองจึงสำคัญ เพราะสุดท้ายแล้ว ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่แค่รสชาติในปาก แต่คือการที่เรายังมีสุขภาพดีพอจะลิ้มรสสิ่งเหล่านี้ไปได้อีกนาน


SOURCE : 

https://pmc-ncbi-nlm-nih-gov.translate.goog/articles/PMC10160962/?_x_tr_sl=en&_x_tr_tl=th&_x_tr_hl=th&_x_tr_pto=sge
https://www.pnas.org/doi/10.1073/pnas.2221097120 
https://nutrition2.anamai.moph.go.th/th/lowsalt/download/?did=194734&id=47660&reload= 
 

TAGS: #Health #Mentality #สุขภาพจิต #อาหารทอด