3 ภาพยนตร์ต้องกลับมาดู ตีแผ่ความจริงวงการผ้าเหลือง

3 ภาพยนตร์ต้องกลับมาดู ตีแผ่ความจริงวงการผ้าเหลือง
3 ภาพยนตร์ไทยที่กล้าตีแผ่วงการสงฆ์ สะท้อนบาดแผลศรัทธา ผ่านเรื่องจริงที่เราไม่อยากเห็น แต่ต้องยอมรับ

ท่ามกลางกระแสข่าวพระชื่อดังลาสิกขา หลังมีภาพหลุดกับสีกาในมือถือ และกรณีวัดใหญ่ที่ตกเป็นประเด็นเรื่องเงินทอน รวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์บนความศรัทธา  เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่ทำให้ชาวพุทธรู้สึกผิดหวัง หากยังสั่นคลอนความเชื่อที่เคยมั่นคง และจุดประกายคำถามสำคัญว่า “เรากำลังศรัทธาในอะไร?” แม้ศาสนาในความหมายแท้จริงจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่พฤติกรรมของบางบุคคลในผ้าเหลืองกลับทำให้คำว่า “ศักดิ์สิทธิ์” กลายเป็นเพียงภาพลวงตาในสายตาของผู้คน

ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา มีหนังไทยเพียงไม่กี่เรื่องที่กล้าตีแผ่วงการสงฆ์อย่างตรงไปตรงมา ตั้งคำถามกับความเคร่งครัดที่ฉาบฉวย และสะท้อนบาดแผลที่เรามักหลีกเลี่ยงจะมองตรง ๆ


“นาคปรก” “อาบัติ” และ “สาธุ” คือ ภาพยนตร์ 3 เรื่องที่ไม่เพียงพาผู้ชมเข้าสู่โลกของพระสงฆ์ในมุมที่เราไม่คุ้นชิน แต่ยังเปรียบเสมือนสารคดีเชิงสมมติ ที่กลั่นกรองความจริงผ่านบทหนัง เพื่อชวนเราทบทวนศรัทธาของตัวเองอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง

นาคปรก: เมื่อโจรห่มผ้าเหลืองเพื่อขุดทอง

ในปี 2553 ภาพยนตร์ นาคปรก กำกับโดย ภวัต พนังคศิริ สั่นสะเทือนวงการด้วยพล็อตสุดโต่งโจรปล้นทองหนีคดี มาบวชเพื่อซ่อนตัวและขุดทองที่ซ่อนไว้ในวัด นี่คือการตีแผ่ความเสื่อมโดยไม่ปิดบัง ตั้งแต่ความไม่ศรัทธาในจีวร จนถึงความเสื่อมถอยของคณะสงฆ์ในสายตาชาวบ้าน


หนังถูกสั่งแบนหลายปีจากกองเซ็นเซอร์ ด้วยเหตุผลว่า “อาจทำให้คนเข้าใจศาสนาผิด” แต่ทุกอย่างในหนังล้วนตั้งอยู่บนความจริงที่เห็นได้ในข่าวทุกวันนี้ เพราะพระบางรูปไม่ได้บวชเพื่อขัดเกลาจิตใจ หากแต่ห่มผ้าเหลืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

อาบัติ: บาปของพระ หรือบาปของใคร

ปี 2558 “อาบัติ” กลายเป็นภาพยนตร์ที่แรงที่สุดแห่งปี ที่กล้าพูดถึงความบาปในนามของความศรัทธา
เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ถูกส่งไปบวชเพราะปัญหาครอบครัว กลับกลายเป็นเส้นทางที่เปิดโปง “ชีวิตในวัด” ที่ไม่ได้เงียบสงบเหมือนธรรมะที่สอน ความสัมพันธ์ต้องห้าม ศีลที่ถูกละเลย และเงื่อนงำในใจพระหลายรูป กลายเป็นประเด็นดราม่าระดับชาติ ถึงขั้นกระทรวงวัฒนธรรมสั่งระงับการฉาย ก่อนจะตัดฉากบางส่วนและเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “อาปัติ”


แต่ถ้ามองอย่างตรงไปตรงมา อาบัติไม่เคยตั้งใจลบหลู่ศาสนา แต่ชวนให้เราถามว่า “ศีล 227 ข้อจะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร หากคนที่ถือศีลไม่เชื่อในศีลนั้นจริงๆ

สาธุ: เมื่อวัดกลายเป็นธุรกิจ และศรัทธาคือเครื่องมือการตลาด

ปี 2024 ซีรีส์ สาธุ จาก Netflix โผล่มาในจังหวะที่วงการพระบ้านเรากำลังร้อนระอุ ด้วยแนวคิดสุดกล้าหาญ คือ การรีแบรนด์วัดให้เป็นธุรกิจ แม้จะเป็นงานสมมติ แต่ทุกอย่างในสาธุ ชวนให้เรานึกถึงวัดชื่อดังที่มีโลโก้ มีทีมคอนเทนต์ มีแคมเปญการตลาด และมีระบบบริหารจัดการทรัพย์สินศรัทธาอย่างมืออาชีพ

เรื่องราวของนักการเงินหนุ่มที่เข้ามาร่วมมือกับพระภิกษุเพื่อยกระดับวัดในเชิงธุรกิจ ไม่เพียงตีแผ่ พุทธพาณิชย์อย่างตรงไปตรงมา แต่ยังตั้งคำถามลึกซึ้งว่า ความศรัทธาในยุคดิจิทัลนั้นแท้จริงคืออะไร 

ซีรีส์นี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์หลายสำนักว่า กล้า เสียดสี และลึกกว่าเพียงการล้อเลียน แม้บางฝ่ายจะมองว่าเป็นการบั่นทอนศรัทธา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่า สาธุ ทำให้เราหยุดคิดก่อนจะกดโอนเงินทำบุญผ่าน QR code ด้วยศรัทธาแบบอัตโนมัติ

ในวันที่คำว่า “พระ” ไม่ได้การันตีความดีโดยอัตโนมัติอีกต่อไป ภาพยนตร์อย่าง นาคปรก, อาบัติ และ สาธุ จึงอาจกลายเป็นภาพยนตร์ที่จำเป็นต้องกลับมาดู ไม่ใช่เพื่อจับผิดวงการสงฆ์ แต่เพื่อจับตามอง ตัวเองว่าเราเชื่อในอะไร เชื่อเพราะอะไร และเคยตั้งคำถามกับศาสนาที่เรานับถือหรือไม่

บางที คำตอบอาจไม่อยู่ที่บทเทศน์บนธรรมาสน์ หรือพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ แต่อยู่ในแผ่นฟิล์มที่กล้าสะท้อนความจริง… แม้มันจะไม่สวยงามนักก็ตาม
 

TAGS: #อาบัติ #อาปัติ #สาธุ #นาคปรก #หนังสะท้อนสังคม #วงการพระ #ศาสนาพุทธ #cultural #movie