Big 4 ของโลกไม้เทนนิส อินเทรนด์ให้จริง ต้องรู้จักแบรนด์เหล่านี้

Big 4 ของโลกไม้เทนนิส อินเทรนด์ให้จริง ต้องรู้จักแบรนด์เหล่านี้
ปี 2025 เทนนิสกลับมาบูมอีกครั้ง ทั้งในโลกกีฬาและแฟชั่น รู้จัก Big 4 ของวงการไม้เทนนิส—Wilson, Babolat, Head และ Yonex พร้อมเจาะราคาล่าสุดและกระแส Tennis core

กีฬาเทนนิสไม่เคยหายไปจากสังคม แต่ในปี 2025 มันกลับมาเป็นบทสนทนาใหญ่ ทั้งในโลกกีฬา แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ เหตุผลไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเกมที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในคอร์ต หากแต่เพราะภาพจำของเทนนิสมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรม Old Money มาอย่างยาวนาน สนามหญ้า เสื้อผ้าสีขาวเรียบหรู และสโมสรส่วนตัว คือชิ้นส่วนที่ทำให้เทนนิสไม่ใช่เพียงการออกกำลังกาย แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งรสนิยมที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และกำลังถูกตีความใหม่โดยคนรุ่นใหม่ที่มองว่ากีฬานี้คือทั้งการออกแรงและการแสดงออกถึงสไตล์


เมื่อพูดถึงอุปกรณ์สำคัญอย่างไม้เทนนิส ชื่อที่มักถูกกล่าวถึงเสมอคือ “Big 4” ของโลก นั่นคือ Wilson, Babolat, Head และ Yonex ทั้งสี่แบรนด์นี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิต แต่เป็นเสมือนผู้กำหนดทิศทางของกีฬามายาวนาน แต่ละรายมีภาษาดีไซน์และเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน


1. Wilson หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการเทนนิสโลกใช้โดยนักเทนนิสระดับตำนาน เช่น Roger Federer และ Serena Williams แบรนด์นี้มีไม้หลากหลายซีรีส์ เช่น Pro Staff, Blade, Clash, Ultra, และ Burn ที่ตอบโจทย์ทั้งความรู้สึก พลัง และความนุ่มมือ Wilsonถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงมากในกลุ่มนักเทนนิสอาชีพ โดย Wilson, Head และ Babolat รวมกันถูกใช้งานมากถึง 70–75% ของผู้เล่น Top 100 Wilson จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความคลาสสิกเหนือกาลเวลา”

 


2. Babolat แบรนด์เก่าแก่จากฝรั่งเศสที่เริ่มจากการผลิตสายเทนนิส ก่อนจะพัฒนามาสู่ไม้เต็มรูปแบบโดดเด่นด้านพลังและสปิน โดยเฉพาะซีรีส์ Pure Aero ที่ Rafael Nadal ใช้คว้าแชมป์มากมาย Babolat จึงเป็นภาพแทนของ French Innovation ที่ขับเคลื่อนด้วยการทดลองวัสดุและโครงสร้างใหม่ ๆ


3. Head อีกหนึ่งแบรนด์จากยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีและการควบคุมเป็นไม้คู่ใจของนักเทนนิสชื่อดังอย่าง Novak Djokovic, Maria Sharapova และ Andy Murray ซึ่งต่างใช้คว้าแชมป์ Grand Slam มาแล้ว  


4. Yonex แบรนด์ญี่ปุ่นที่สร้างเอกลักษณ์ของตัวเองด้วย ดีไซน์กรอบ Isometric เพิ่มจุด sweet spot ให้ตีง่ายและทรงพลัง นักเทนนิสระดับโลกที่ใช้ ได้แก่ Stan Wawrinka, Naomi Osaka และ Nick Kyrgios รวมถึงAndy Murray ก็ยังตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ Yonex Ezone 100 ในช่วงกลางฤดูกาล เพื่อเพิ่มพลังและปรับเข้ากับสไตล์การเล่น


ในเชิงราคา ปี 2025 คือช่วงที่ไม้เทนนิสระดับแข่งขันยังคงอยู่ในเรนจ์ที่สะท้อนความเป็นสินค้าพรีเมียม โดยทั่วไปไม้จาก Big 4 จะอยู่ระหว่าง 8,000–14,000 บาท หรือประมาณ 200–350 ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ที่อยากอินกับกระแสนี้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬาอาชีพ 


หากมองไปที่สายลักชัวรีจริงจัง เช่น Chanel Oak Tennis Racket ราคาก็สูงถึงราว $2,499 (ประมาณ 80,000 บาท) แสดงให้เห็นว่าไม้เทนนิสไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์กีฬา แต่ยังสามารถเป็นแฟชั่นสเตตเมนต์ที่สะท้อนรสนิยมได้เช่นเดียวกับกระเป๋าหรือเครื่องประดับ

ทั้งนี้แม้ว่า Big 4 จะครองตลาด แต่ยังมีหลายแบรนด์ที่น่าสนใจอย่างเช่น Dunlop มีประวัติยาวนาน เคยผลิตอุปกรณ์ให้กับ Grand Slam หลายรายการ Tecnifibre, Prince, Solinco, Volkl และ ProKennexแม้ชื่อเสียงอาจจะไม่ดังเท่า Big 4  แต่ก็มีเทคโนโลยีการออกแบบไม้เฉพาะตัวและโดดเด่นเรื่องความคุ้มค่า


สิ่งที่น่าสนใจคือกระแสการหวนกลับมาของเทนนิสในฐานะกีฬา–แฟชั่น ทำให้ Big 4 ไม่ได้ถูกพูดถึงแค่เรื่องประสิทธิภาพในสนาม แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอัตลักษณ์ ผู้ที่หยิบไม้ Wilson, Babolat, Head หรือ Yonex ขึ้นมา ไม่ได้เพียงเลือกเครื่องมือ แต่ยังเลือกเข้ามาอยู่ในบทสนทนาที่ใหญ่กว่านั้น คือเรื่องราวของกีฬาเก่าแก่ที่กำลังกลับมาเป็นเทรนด์ร่วมสมัย และยังเป็นเครื่องมือเล็ก ๆ ที่พาเราย้อนกลับไปเชื่อมโยงกับความละเมียดละไมแบบ Old Money ที่วันนี้ใคร ๆ ก็อยากสัมผัส

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 


Tennis Tribe – Best Tennis Racquet Brands in 2025


Tennis Warehouse – Best Tennis Racquets 2025 (Wilson, Babolat, Head, Yonex Models & Prices)


Prestige Online – The Most Expensive Tennis Rackets in the World (รวมถึง Chanel Oak Tennis Racket)

TAGS: #เทนนิส #ไม้เทนนิส #กีฬาเทนนิส #wilson #babolat #yonex #head #tenniscore #กระแสเทนนิส