ตื่นอย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนชีวิตด้วยการตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน สร้างนิสัยการตื่นนอนให้เป็นระบบ วางแผนวันให้มีประสิทธิภาพ ให้เวลากับตัวเอง และใช้กฎ 80/20 เพื่อความสำเร็จ
อีก 1 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้คือ การตื่นนอนที่มีประสิทธิภาพ เราไม่ได้หมายถึงการตื่นแต่เช้าตรู่ แต่คือการตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน ที่จะสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ โดยทั่วไปวัยผู้ใหญ่มักต้องการการนอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน แต่หากประสบปัญหานอนไม่พอ ไม่ว่าจะเกิดจากอาการนอนไม่หลับหรือการพยายามทำสิ่งต่างๆ มากเกินไปในแต่ละวัน
การกำหนดเวลานอนและตื่นที่แน่นอนจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้น ปัญหาการนอนหลับไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นควรให้เวลากับตัวเองเพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอน จุดเริ่มต้นของการนอนที่ดีขึ้นคือการเรียนรู้ที่จะตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายปรับตัวและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
ความสำคัญของการตื่นนอนตรงเวลา
แม้จะดูเล็กน้อยแต่นับว่าเป็นความท้าทาย และยังส่งผลอย่างรวดเร็ว เพราะในอุดมคตินั้น การตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันหยุด เพราะเราควรได้นอนหลับเพียงพอจนสามารถตื่นขึ้นมาเองโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก แม้ในช่วงแรกอาจต้องใช้นาฬิกาปลุกช่วย และเราควรเลือกเวลาตื่นนอนที่สามารถปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน ซึ่งสำหรับหลายคนหมายถึงการเลือกเวลาที่เหมาะสมกับช่วงเวลาทำงาน หรือเรียนหนังสือในวันธรรมดา และยังคงตื่นในเวลาเดียวกันในวันเสาร์และอาทิตย์
เมื่อเลือกเวลาตื่นนอนแล้ว ให้พิจารณาว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนตื่นเช้า หากปกติคุณเป็นคนที่นอนดึก อย่าไปหลงตามไลฟ์โค้ช สังคมอาจกดดันให้เราเชื่อว่าการตื่นเช้าเป็นสิ่งที่ดีกว่าและแสดงถึงความขยัน แต่ความจริงแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนก็เลือกนอนดึกและตื่นสาย สิ่งสำคัญคือการเข้าใจร่างกายและความต้องการของตนเอง เลือกเวลาตื่นที่สามารถรักษาได้โดยไม่เร็วเกินไป และไม่ขัดกับรูปแบบการนอนของในช่วงที่ผ่านมา
หลังจากได้เวลาตื่นนอนที่เข้าที่เข้าทางกับร่างกายเราแล้ว สิ่งถัดมาคือ การวางแผนแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ หมายถึงการใช้ทักษะและเวลาของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยกตัวอย่างเช่น
วางแผนล่วงหน้า
พลังใจของคนเรามีขีดจำกัด หากพยายามวางแผนของวันในตอนเช้า อาจทำให้ใช้พลังใจไปโดยไม่จำเป็น ดังนั้น แทนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสับสน ควรเรียนรู้ที่จะวางแผนล่วงหน้าในคืนก่อนหน้า การมีแผนในใจตั้งแต่ตื่นนอนจะช่วยให้เราพร้อมเริ่มวันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เสียเวลาไปกับการคิดว่าจะต้องทำอะไร แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องกำหนดเวลาทุกนาทีของวัน แต่หมายถึงการใช้พลังของกิจวัตรเพื่อลดภาระในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น คนดังอย่างสตีฟ จ็อบส์ และบารัค โอบามา เลือกสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันทุกวัน เพื่อประหยัดพลังสมองสำหรับเรื่องที่สำคัญกว่า
สร้างกิจวัตรประจำวัน
กิจวัตรที่ทรงพลังที่สุดเริ่มต้นในตอนเช้า การมีพิธีกรรมในตอนเช้าจะช่วยให้มีโครงสร้างและวินัยในการดำเนินชีวิต รวมถึงส่งผลต่ออารมณ์และความคิดเชิงบวก การจัดการตารางเวลานั้นต้องอาศัยความสม่ำเสมอจนกลายเป็นนิสัย เราจึงควรบันทึกนิสัยใหม่ๆ ไว้ในตารางเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เมื่อนำกิจวัตรเหล่านี้มาใช้ซ้ำๆ จะสามารถสร้างแบบแผนที่สอดคล้องกับค่านิยมและเป้าหมายได้
ชะลอความเร็วลง
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่การวางแผนวันควรเริ่มต้นแบบเรียบง่าย ก่อนเปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้กระดาษจดสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จในวันนั้น จากนั้นเขียนขั้นตอนที่ต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น เมื่อได้รายการงานแล้ว ให้เลือกงานที่สามารถทำได้จริงภายในวันนั้น การหยุดพักจากกระแสข้อมูลดิจิทัลเพียงไม่กี่นาทีช่วยให้สามารถโฟกัสและวางแผนวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กำหนดขอบเขตเวลา
เมื่อต้องวางแผนการทำงาน ควรกำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับแต่ละงานและหยุดทำงานเมื่อครบกำหนด การตั้งขอบเขตเวลาไม่เพียงช่วยให้โฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำ แต่ยังช่วยให้บริหารเวลาของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกหนึ่งนิสัยที่ควรนำมาใช้คือการรีเซ็ตจิตใจและร่างกาย แม้ว่าจะรู้สึกว่าไม่ต้องการก็ตาม ตั้งนาฬิกาปลุกให้เตือนทุกชั่วโมง เมื่อถึงเวลาให้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย จากนั้นประเมินว่าชั่วโมงที่ผ่านมามีประสิทธิภาพเพียงใด และวางแผนสำหรับชั่วโมงถัดไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ให้ความสำคัญกับตัวเอง
บ่อยครั้งที่คนเรามักบอกตัวเองว่า “เดี๋ยวค่อยดูแลตัวเองทีหลัง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเรายุ่ง การดูแลตัวเองมักเป็นสิ่งแรกที่ถูกละเลย การให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เป็นรากฐานของความสำเร็จที่ยั่งยืน การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่ดีช่วยให้มีพลัง และความกระฉับกระเฉงตลอดวัน กิจกรรมเช่นการทำสมาธิ หรือโยคะช่วยปรับสมดุลจิตใจ การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องของความขี้เกียจ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการทำงาน
ใช้กฎ 80/20
โทนี่ รอบบินส์ กล่าวว่า ความสำเร็จเกิดจากการวางแผนที่อาศัยจิตวิทยา 80% และกลยุทธ์เพียง 20% เมื่อวางแผนแต่ละวัน ควรให้ความสำคัญกับความคิด และทัศนคติก่อน แล้วค่อยวางกลยุทธ์ตามมา วิธีที่เราคิดเกี่ยวกับงานของเราส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง หากมีทัศนคติที่ดีและโฟกัสกับเป้าหมายอย่างถูกต้อง เราจะสามารถบริหารเวลาและจัดการตารางงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น