ทำไมความเศร้าบางครั้งอาจไม่ใช่แค่โรคซึมเศร้า? รู้จัก “โรคไบโพลาร์” ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
การใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยความรวดเร็วและความไม่แน่นอน การดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการเศร้า ท้อแท้ หรือหดหู่จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังนั้น การได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) คืออะไร?
โรคไบโพลาร์ หรือ “โรคอารมณ์สองขั้ว” เป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวชที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะเมื่ออาการของโรคนี้ในบางช่วงมีลักษณะคล้ายกับโรคซึมเศร้า เช่น ความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง หรือขาดพลังในการดำเนินชีวิต อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้โรคไบโพลาร์แตกต่างจากโรคซึมเศร้าคือการเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรุนแรงระหว่างช่วง “ซึมเศร้า” และช่วง “คึกคักเกินไป” ซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ การวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญมาก
สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าไม่ใช่แค่โรคซึมเศร้า
แม้ว่าโรคไบโพลาร์จะมีอาการซึมเศร้าในบางช่วง แต่สิ่งที่แตกต่างจากโรคซึมเศร้าทั่วไปคือการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่ชัดเจนระหว่างสองขั้ว กล่าวคือ มีทั้งช่วง “ขาขึ้น” และ “ขาลง” ที่รุนแรง
ช่วงอารมณ์คึกคักเกินไป (Manic Episode) ในช่วงนี้ ผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากเกินไป พูดเร็ว พูดมาก หรือมีความคิดแล่น มีพลังงานสูงกว่าปกติ ไม่ต้องการการพักผ่อนมากนัก มีพฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น ใช้จ่ายเงินเกินตัว ลงทุนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง หรือการตัดสินใจที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว
ช่วงอารมณ์ซึมเศร้า (Depressive Episode) ในช่วงนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการคล้ายกับโรคซึมเศร้าทั่วไป เช่น รู้สึกเศร้า หดหู่ หรือสิ้นหวังเป็นเวลานาน ไม่มีแรงจูงใจในการทำกิจกรรมต่างๆ นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป มีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ผลกระทบและแนวทางการรักษา
การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือการใช้ชีวิตในสังคม หากไม่ได้รับการรักษา อาการของโรคอาจรุนแรงขึ้นและนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต
ดังนั้น หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดอาจเป็นโรคไบโพลาร์ ควรสังเกตอาการอย่างละเอียดและเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาโรคไบโพลาร์มักประกอบด้วยการใช้ยา ควบคู่ไปกับการบำบัดพฤติกรรมและการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลมากขึ้น สามารถขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์ของเราที่โรงพยาบาล BMHH ได้ทุกเวลา