สหรัฐประกาศทำลายอาวุธเคมีล็อตสุดท้าย หลังครอบครองมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ยังครองหัวรบนิวเคลียร์เยอะสุด
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยเมื่อ 7 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า กองทัพสหรัฐได้ทำลายอาวุธเคมีล็อตสุดท้ายในคลังสต็อกแล้ว นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดที่ มีการกำจัดอาวุธร้ายแรงออกจากคลังสหรัฐ หลังอาวุธชนิดดังกล่าวถูกใช้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที 1
รายงานระบุว่า การทำลายอาวุธชนิดดังกล่าวเป็นไปตาม อนุสัญญาห้ามครอบครองอาวุธเคมี ที่วุฒิสภาสหรัฐลงสัตยาบันเมื่อ 26 ปีก่อน โดยสหรัฐให้คำมั่นว่าต้องกำจัดอาวุธเคมีให้ได้ทั้งหมดภายในสิ้นเดือนกันยายน 2023
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เผยว่า ตามข้อมูลในปี 1968 กองทัพสหรัฐเคยครอบครองอาวุธเคมีมากถึง 40,000 ตัน โดยมีจำนวนเพิ่มสูงสุดในช่วงสงครามเวียดนาม ขณะที่ทยอยลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 9/11 โดยอาวุธเคมีส่วนใหญ่ที่สหรัฐครอบครองคือ สารทำลายประสาทจำนวนแก๊สสาริน โดยในปี 2022 จรวด M55 ลำสุดท้ายที่มีสารทำลายประสาทซาริน ได้ถูกทำลายทิ้งที่โรงงานในรัฐเคนตักกี้
ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเคยเปิดเผยเมื่อปี 2020 ว่ากองทัพสหรัฐมีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งที่อยู่ในประจำการและนอกประจำการ รวมทั้งสิ้น 3,750 หัวรบ ซึ่งจำนวนดังกล่าวนับเป็นชาติที่ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก แม้ว่าที่ผ่านมาสหรัฐจะปลดระวางไปบ้างแล้ว 55 หัวในปีก่อนหน้านั้น
