ถ้าคุณนั่งเครื่องบินที่กำลังกำลังบินเข้าใกล้สนามบินดัลเลสในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หากมองไปที่ด้านล่าง ภาพที่เห็นก็คือ "แอชเบิร์น" เมืองที่ตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Data Center Alley เป็นที่ที่รองรับการส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตทั่วโลกประมาณการณ์ถึง 70%
หลายทศวรรษก่อน ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลน มีแต่พื้นที่ว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา มีป่าไม้รกเรื้อ และพื้นที่เพาะปลูกในแถบชนบทมุมหนึ่งของเวอร์จิเนียตอนเหนือ
แต่ไม่นานมานี้ ดินแดนที่เคยไม่มีอะไรกลับค่อยๆ เต็มไปด้วยการพัฒนาจนกลายเป็นเขตชานเมือง
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่ออินเทอร์เน็ตก็ถือกำเนิดขึ้นก็มีผู้เข้ามาสร้างศูนย์ข้อมูล หรือ ด data center เป็นจำนวนมาก ซึ่ง data center เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกับคำมั่นสัญญาที่จะสร้างรายได้ภาษีและการลงทุนเพื่อแลกกับการสร้างโครงสร้างที่แม้จะดูไม่สวยงามนัก แต่พวกมันคือเป็นกระดูกสันหลังของโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยดิจิทัล
ทำไมต้องมาสร้าง data center ที่นี่? นั่นก็เพราะปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสมมารวมตัวเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจ และพลังงานราคาประหยัด
กระทรวงการกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอนและรัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีสำนักงานที่ทำการอยู่ใกล้เมืองนี้แค่เอื้อม เช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ของ AOL ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเว็บในยุคแรกๆ ที่เคยมีบทบาทอย่างมากในโลกออนไลน์ยุคก่อน
ผลประโยชน์ที่เมืองแอชเบิร์นได้รับจาก data center ที่ไม่เปิดเผยตัวตนเหล่านี้ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมานั้นไม่อาจปฏิเสธได้
ร้านค้าใหม่ๆ ย่านที่อยู่อาศัย ลานสเก็ตน้ำแข็ง และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะต่างๆ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเมืองนี้ไม่เคยขาดแคลนเงินทอง
แอชเบิร์นตั้งอยู่ในเขตปกครองชื่อเคาน์ตีลาวดอน ซึ่งเป็นเคาน์ตี (เขตปครองท้องถิ่น) ที่มีประชากรที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และทำให้ทั่วโลกจ้องมองมาที่ชานเมืองวอชิงตันแห่งนี้ว่ากำลังดำเนินธุรกิจที่เเป็นหนทางสู่ชัยชนะในอนาคต แต่บางคนก็รู้สึกว่าประสบการณ์ของเมืองแอชเบิร์นเป็นอุทาหรณ์ที่เตือนใจให้คอยระวังไว้ให้ดี
ในบรรดาประชากร 40,000 คน แอชเบิร์นเพียงเมืองเดียวมีศูนย์ข้อมูล 152 แห่งที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน บนพื้นที่ 40 ตารางกิโลเมตร (15.4 ตารางไมล์) และยังมีศูนย์ข้อมูลอีกจำนวนมากที่กำลังผุดขึ้นมาในพื้นที่ของเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างรวดเร็วของการลงทุนด้าน AI ที่สร้างการแข่งขันเพื่อชิงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2568 บริษัทเอกชนต่างๆ ทุ่มงบก่อสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐอเมริกาประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของเหล่าบริษัท AI รายใหญ่อย่าง Google, Amazon, Microsoft และ OpenAI
ตัวเลขนี้เทียบกับ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อ 10 ปีก่อน
ผู้สื่อข่าว AFP ได้รับเกียรติเยี่ยมชมศูนย์ข้อมูลทั่วไปจาก Digital Realty บริษัทอสังหาริมทรัพย์เฉพาะทางที่ดำเนินงานศูนย์ข้อมูล 13 แห่งในแอชเบิร์น
“เราไม่ได้ให้บริการแค่พื้นที่ที่คุณเห็นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลังงาน ระบบทำความเย็น และการเชื่อมต่อด้วย” คริส ชาร์ป ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Digital Realty กล่าว
เซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลแต่ละแห่งเปรียบเสมือนชีวิตชีวาให้กับทุกสิ่งที่เราทำทางออนไลน์
ห้องคอมพิวเตอร์ที่นี่ ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาด เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์หลายตัวสำหรับไคลเอนต์รายเดียว หรือถูกแบ่งออกเป็น “กรง” แยกต่างหากสำหรับไคลเอนต์ขนาดเล็ก
การเกิดขึ้นของ AI ได้ผลักดันอุตสาหกรรมไปสู่อีกมิติหนึ่ง ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีซึ่งกำลังเผชิญการแข่งขันด้าน AI อย่างดุเดือด กำลังเสาะหาทรัพยากรจากทั่วโลกเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI อย่างรวดเร็ว
อาคารยุคใหม่เหล่านี้ต้องการพลังงาน เทคโนโลยีการระบายความร้อน และวิศวกรรมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิกของ Nvidia ซึ่งจำเป็นสำหรับการฝึก AI นั้นมีน้ำหนักมากอย่างเหลือเชื่อ ต้องใช้โครงสร้างที่ใหญ่และแข็งแรงกว่า ซึ่งต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาล
“ถ้าเราคิดถึงเวอร์จิเนียเพียงอย่างเดียว ศูนย์ข้อมูลเมื่อปีที่แล้วใช้ไฟฟ้าเกือบเท่ากับทั้งเมืองนิวยอร์ก” เลสลี อับราฮัมส์ รองผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งศูนย์ศึกษากลยุทธ์และนานาชาติ กล่าว
เซิร์ฟเวอร์ข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีคล้าย ChatGPT ทำงานร้อนจัดและต้องใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวรุ่นใหม่ ซึ่งเครื่องปรับอากาศจะไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป และในกรณีส่วนใหญ่ นั่นหมายถึงการเข้าถึงแหล่งน้ำในท้องถิ่น
ไม่น่าแปลกใจที่สิ่งจำเป็นใหม่ๆ ทำให้การก่อสร้างอาคารใหม่ขายยากขึ้น
"ตอนเราเติบโตขึ้น เราเริ่มเห็นศูนย์ข้อมูลเพียงไม่กี่แห่ง แต่พูดตรงๆ ว่าไม่ได้เร็วขนาดนี้หรอก พวกมันผุดขึ้นมาทั่วทุกหนทุกแห่ง" มาคาเอลา เอ็ดมอนด์ส หญิงสาววัย 24 ปี ที่เติบโตในแอชเบิร์น กล่าว
บ้านของครอบครัวเธอเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาชานเมืองที่ติดกับไซต์ก่อสร้างขนาดใหญ่
อีกประเด็นหนึ่งคือ งานในศูนย์ข้อมูลส่วนใหญ่มักจะอยู่ในช่วงก่อสร้าง ทีมงานสวมหมวกนิรภัยทำงานในพื้นที่ ซึ่งมักจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อเปิดดำเนินการแล้ว ไซต์หลายแห่งแทบจะไม่มีการทำกิจกรรมของมนุษย์เลย
"ประโยชน์ของศูนย์ข้อมูลมักจะอยู่ในระดับภูมิภาค ระดับชาติ และระดับโลก มากกว่าระดับท้องถิ่น" อับราฮัมส์ กล่าว
ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นักการเมืองท้องถิ่นในเวอร์จิเนียตอนเหนือกำลังรณรงค์เพื่อชะลอการขยายตัว แทนที่จะสัญญาว่าจะดึงดูดการก่อสร้างเพิ่มขึ้น
สำหรับบริษัทอย่างดิจิทัลเรียลตี้ ความท้าทายคือการทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการนำศูนย์ข้อมูลเข้ามา
แม้จะมีข้อสงสัยใดๆ แต่ความต้องการก็ยังไม่ลดลง
"การเติบโตและความต้องการในตลาดนี้มหาศาลมาก" ชาร์ปกล่าว
Agence France-Presse
Photo - ภาพพัดลมระบายอากาศบนหลังคาศูนย์ข้อมูล Digital Realty ในเมืองแอชเบิร์น รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 (ภาพโดย ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)