ไทยควรลากตัว'เครือข่ายตระกูลฮุน'ผู้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติไปขึ้น'ศาลอาญาระหว่างประเทศ'
ในขณะที่กัมพูชาดึงดันที่จะลากไทยไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ เพื่อสะสางกรณีพิพาทพรมแดน ทั้งๆ ที่ก็ปรากฏชัดว่าไทยไม่รับอำนาจศาลของ ICJ
มันชัดเจนว่า 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ที่ปกครองกัมพูชาในเวลานี้ต้องการจะป่าวประกาศกับชาวโลกว่าตนเป็น 'เด็กดีที่เคารพกฎหมาย' ส่วนไทยที่ไม่ยอมไปศาลโลกเป็น 'นักเลงที่ไม่เชื่อฟังกฎหมายระหว่างประเทศ'
ทั้งๆ ที่การไปหรือไม่ไปศาลโลกไม่เกี่ยวกับการเป็น 'คนดี' แต่เกี่ยวกับการแสดงจุดยืนของประเทศ
นี่คือการ 'บิดเบี้ยวภาพลักษณ์จากชั่วให้เป็นดี' ที่กัมพูชาชอบเล่น และชอบทำให้ตคัวเองเป็นเหยื่อทั้งๆ ที่ทำตัวก้าวร้าวมาตลอด ซึ่งมันง่ายที่ประเทศเล็กๆ จะฟ้องคนอื่นว่า "เราเป็นผู้ถูกกระทำ" และไทยเป็น "พวกบูลลี่" แม้ว่าประเทศเล็กที่ว่าจะจะทำเรื่องอันชั่วร้ายระดับโลกมาโดยตลอดก็ตาม
เรื่องชั่วร้ายที่่ว่านั้นคือการหากิน การเลี้ยง การคุ้มหัวการทำธุรกิจฉ้อโกง หรือ สแกมเมอร์ ซึ่งมีคนใน 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' เกี่ยวข้องหลายคน แม้แต่คนระดับนำในรัฐบาลก็เกี่ยวข้องด้วยจากรายงานของนักวิชาการอิสระ รายงานของสหประชาชาติ และสื่อต่างประเทศมากมาย
เรื่องนี้ The Better จับตาและเปิดโปงมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่คนไทยไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ 'สแกมโบเดีย' หรือ นายทุนและชนชั้นนำกัมพูชาที่หากินกับธุรกิจมืด คือภัยคุกคามไทยซึ่งๆ หน้ามาโดยตลอด
เราได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยจัดการกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ได้รับการตอบสนองด้วยความเงียบงัน จนกระทั่งวันนี้ 'รัฐบาลเพื่อไทย' ต้องบอบช้ำอย่างหนักเพราะถูกคนไทยต่อว่าว่าไม่ยอมตอบโต้กัมพูชา
หากรัฐบาล 'รักชาติ' กว่านี้หรือเห็นแก่สวัสดิภาพของคนไทยสักหน่อย 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ที่คุ้มหัวสแกมเมอร์อยู่ก็ไม่อาจหากินกับการหลอกลวงพี่น้องชาวไทยและชาวโลกได้
เช่น สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ปลอดภัยอย่างมาก แต่ตอนนี้ถูกรุมเร้าด้วยสแกมเมอร์อย่างหนัก แม้จะออกกฎหมายควบคุมและเอาผิดคนทำและธนาคารก็ต้อวรับผิดชอบ แต่มันก็ยังแรงไม่ซา สาเหตุผลผู้ที่โจมตีมาจากต่างประเทศ โดยในคดีฟอกเงินพันล้านดอลลาร์ที่สิงคโปร์เมื่อเร็วๆ นี้พบว่าผู้ต้องหา 9 ใน 10 รายในสิงคโปร์มีความเชื่อมโยงกับกัมพูชา
เอาเข้าจริง 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' และพวก 'สแกมโบเดีย' นั้นทำร้ายชาวโลกมากมาย โดยหลอกลวงเอาเงินพวกเขามาไปเข้ากระเป๋าของเครือผู้นำกัมพูชาจนรายได้พวกนี้คิดเป็น 60% ของ GDP และมีโอกาสที่เงินพวกนี้แหละที่ถูกนำมาซื้ออาวุธครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีนี้ แล้วพวก 'สแกมโบเดีย' ก็เอาอาวุธมาข่มขู่เราในตอนนี้
'เครืออำนาจตระกูลฮุน' และพวก 'สแกมโบเดีย' อาจจะไม่รู้ตัวว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้คนในลักษณะ 'การค้าทาสสมัยใหม่' และยังทำการ 'ใช้แรงงานทาสประจำวันและทาสทางเพศ' เกี่ยวข้องการกับค้ามนุษย์ ไปจนถึงการเข่นฆ่ากวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
หากไม่นับเรื่อง 'สแกมโบเดีย' แล้ว 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ยังเป็นทรราชย์ดีๆ นี่เอง ที่ทำการอุ้มฆ่า ลอบสังหาร หวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองทั้งในระดับนักการเมืองและประชาชนทั่วไป
'อาชญากรรม' เหล่านี้สามารถถือเป็น 'อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ' (Crimes Against Humanity) ได้ทั้งสิ้น และผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง สามารถนำตัวขึ้นศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Court) หรือ ICC ได้หากจะมีผู้กล้าหาญนำเรื่องนี้ไปขยายผลต่อ และฟ้องร้อง 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ในฐานะอาชญาก่อต่อมนุษยชาติ
จะขอยกตัวอย่างข้อกล่าวหาขององค์กรนานาชาติที่บอกว่า ฮุน เซน กระทำอาชญากรรมประเภท Crimes Against Humanity เช่น Human Right Watch ที่เล่าไว้ว่า
"ฮุน เซน ... เข้าร่วมกับเขมรแดงหลังจากกองทัพกัมพูชาขับไล่เจ้านโรดม สีหนุออกไปในปี 1970 รายงานดังกล่าวบรรยายถึงบทบาทของเขาในฐานะผู้บัญชาการเขมรแดงในช่วงทศวรรษ 1970 ในพื้นที่ที่มีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (crimes against humanity) ต่อชาวจามที่เป็นมุสลิม บันทึกถึงความรับผิดชอบของเขาในฐานะนายกรัฐมนตรีในคดีบังคับใช้แรงงานและการจำคุกผู้เห็นต่างอย่างเป็นระบบในช่วงทศวรรษ 1980 บทบาทของเขาในการปลดปล่อยหน่วยสังหารระหว่างปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในปี 1992-93 การโจมตีด้วยระเบิดมือในเดือนมีนาคม 1997 โดยมีหน่วยคุ้มกันส่วนตัวของเขาเข้าร่วมในการชุมนุมที่นำโดยผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 รายและบาดเจ็บมากกว่า 150 ราย และการรัฐประหารอันนองเลือดของเขาเมื่อวันที่ 5-6 กรกฎาคม 1997 และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งสมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่ส่วนใหญ่เป็นพวกนิยมกษัตริย์มากกว่า 100 คนถูกประหารชีวิตโดยเร็ว รายงานดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงการปราบปรามและการทุจริตในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคม ผู้นำสหภาพแรงงาน และนักข่าวถูกสังหารในข้อหาต่อต้านนโยบายและแนวทางปฏิบัติของพรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน"
ว่าด้วยความเกี่ยวข้องกับเขากับเขมรแดง ในปี 2010 กลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายกัมพูชาวางแผนที่จะยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ต่อนายกรัฐมนตรีฮุนเซนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา โดยกล่าวหาว่าคนพวกนี้คนละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของเหยื่อของเขมรแดง และบอกว่านี่คือ “การชี้แจงให้ชัดเจนว่าการมีส่วนร่วมของฮุน เซนกับปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติสมควรได้รับการนำตัวขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศในขณะนี้”
นอกจากนี้ในปี 2013 กลุ่มฝ่ายค้านในต่างแดนของกัมพูชา คือ แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเขมร (KNLF) ซึ่งมีฐานอยู่ในเดนมาร์ก ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) โดยกล่าวหาว่า ฮุน เซน “ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” โดย KNLF ได้กล่าวโทษ ฮุน เซน ว่าได้ก่ออาชญากรรมหลากหลายรูปแบบทั้งก่อนและหลังจากที่เขาขึ้นสู่อำนาจในปี 1985 รวมถึงการเสียชีวิตของชาวกัมพูชาเมื่อเขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันในช่วงสั้นๆ ในช่วงที่เขมรแดงซึ่งเป็นประเทศปกครองในช่วงทศวรรษ 1970
“ชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์หลายล้านคนถูกข่มเหงและสังหารอย่างไม่ยุติธรรม ไม่มีการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเขา … จนกระทั่งบัดนี้ และไม่มีผู้กระทำความผิดหรืออาชญากรคนใดถูกจับกุมหรือถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีในความผิดของพวกเขา” คำร้องดังกล่าวระบุ
ในคำร้องเรียนต่อ ICC ทางกลุ่ม KNLF ระบุว่า “ปัญหาสิทธิมนุษยชนร้ายแรง [และ] การละเมิดเสรีภาพ” เกิดขึ้นโดยฮุนเซน โดยการละเมิดนั้นมีทั้งการ “สร้างแรงกดดันต่อชาวกัมพูชาด้วยการข่มขู่ชีวิต สังหาร จำคุก บังคับขับไล่ และยึดที่ดิน” และ “หากศาลระหว่างประเทศพบว่าฮุนเซนมีความผิด เขาก็ต้องรับผิดชอบ”
KNLF ยังประกาศว่า “ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก” ในความพยายามที่จะ “แก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
นี่เป็นแค่อาชญากรรมที่ ฮุน เซน ก่อไว้กับคนเขมรในช่วงที่เขาเป็นสมาชิกเขมรแดงและช่วงที่เขาอยู่ในอำนาจในระยะ 30 กว่าปีที่ผ่านมาเท่านั้น ยังไม่นับอาชญากรรมที่เครือข่ายของเขาก่อขึ้นในยุคใกล้ๆ โดยเฉพาะการสนับสนุนแกสมเมอร์อันชั่วร้าย
ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute) ระบุว่ามีอาชญากรรม 11 ประเภทที่สามารถตั้งข้อหาเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้เมื่อ "กระทำขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีอย่างแพร่หลายหรือเป็นระบบที่มุ่งเป้าไปที่ประชากรพลเรือนใดๆ" ได้แก่ "การฆาตกรรม การกำจัด การเป็นทาส การเนรเทศหรือบังคับโยกย้ายประชากร การจำคุกหรือการกักขังเสรีภาพทางกายภาพอื่นๆ ที่รุนแรงซึ่งฝ่าฝืนกฎพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ การทรมาน การข่มขืน การเป็นทาสทางเพศ การบังคับให้ค้าประเวณี การตั้งครรภ์โดยบังคับ การทำแท้งโดยบังคับ การทำหมันโดยบังคับ หรือรูปแบบอื่นๆ ของความรุนแรงทางเพศที่มีความร้ายแรงพอๆ กัน การข่มเหงกลุ่มหรือกลุ่มบุคคลที่ระบุตัวตนได้... การบังคับให้หายตัวไป... อาชญากรรมการแบ่งแยกสีผิว การกระทำอันไร้มนุษยธรรมอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกันโดยเจตนาทำให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง หรือการบาดเจ็บสาหัสต่อร่างกายหรือสุขภาพจิตหรือร่างกาย"
รัฐบาลตระกูลฮุนมีพฤติกรรมหลายข้อที่เข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติเต็มๆ
แต่น่าเสียดายที่ 'เครืออำนาจในไทย' มีความเกี่ยวข้องกับ 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' อย่างเหนียวแน่น ไม่เฉพาะแต่ข้อกล่าวหาต่อรัฐบาลปัจจุบันเท่านั้น แต่ชนชั้นนำในทางการเมืองและทุนในไทยก็เกี่ยวข้องด้วยเต็มๆ ทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนที่จะใช้ไม้นี้ในการจัดกับผู้ปกครองกัมพูชา
ทั้งๆ ที่ผู้ปกครองกัมพูชากระทำการที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติอย่างชัดเจน และเป็นภัยที่ต้องใช้ความเร่งด่วนในการลากตัวไปขึ้นศาล ICC เพราะการเลี้ยงสแกมเมอร์ได้ทำลายชีวิตผู้คนไปมากมาย ทั้งผู้ที่ถูกจับตัวเป็นแรงงานทาสและผู้ที่ถูกหลอกลวงเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไป แล้วสแกมเมอร์ก็เอา 'เงินเลือด' พวกนี้มาบำรุงชาติและชนชั้นนำ
และที่รัฐบาลไทยฟ้อง 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ไม่ได้ยังเป็นเพราะเราลงนามรับธรรมนูญกรุงโรมแต่ไม่ให้สัตยาบัน ในขณะที่กัมพูชาลงนามและให้สัตยาบันแล้ว อย่างไรก็ตาม พลเมืองไทยอาจทำแบบชาวกัมพูชาพลัดถิ่นได้ด้วยการฟ้อง ICC กันเองหากรัฐบาลไม่เล่นด้วย
มีเสียงวิจารณ์ว่าที่ไทยไม่ให้ไม่ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมก็เพราะคนใหญ่คนโตอาจถูกลากไปขึ้นศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ICC ได้ เพราะอาชญากรรมต่อมนุษยชาติบางอย่าง
แล้วคนผู้นั้นก็ดันมีข้อครหาว่าเป็น 'มิตรรัก' ของ 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' เสียด้วย
แม้ว่าในทางเทคนิคและทางปฏิบัติไทยจะลากตัว 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ไปขึ้นศาล ICC ไม่ได้ (ในเวลานี้) และเราได้แต่นั่งงอมืองอเท้าให้ 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' เล่นเกมคนดีที่หมายจะลากไทยไปขึ้นศาล ICJ และทำให้ไทยเป็น 'คนเลว' ในสายตาชาวโลก
แต่คนไทยสามารถร่วมกันป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ว่า 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' คือ อาชญากรต่อมนุษยชาติ และไม่ควรได้รับโอกาสใดๆ ในเวทีการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพราะ 'อาชญากร' ที่ทำร้ายชาวโลก ควรได้รับการลงทัณฑ์ ไม่ใช่ถูกมองว่าเป็น 'คนดี'
สักวันหนึ่ง หากประเทศไทยมีผู้นำที่กล้าหาญและชาญฉลาด เราคงสามารถลากตัว อาชญากรต่อมนุษยชาติไปขึ้นศาล ICC ได้ในที่สุด แล้วฉีกหน้ากากเทวดาของ 'เครืออำนาจตระกูลฮุน' ออกมาเผยให้เห็นความจริงที่ว่าคนเหล่านี้คือ อสุรกายที่ทำร้ายชาวโลกด้วยธุรกิจสแกมเมอร์และการกดคนลงเป็นทาส กดขี่ชาวกัมพูชาให้อยู่ในประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นพวกที่กระหายสงครามและการรุกรานประเทศ
แม้จะยังขึ้นศาลโลกไม่ได้ แต่ชาวโลกจะต้องรู้ความเลวร้ายของคนพวกนี้ให้ได้
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP