บริษัท Nvidia ได้ออกมาปกป้องกลยุทธ์ของตนในตลาดชิป หลังจากที่มีสื่อรายงานว่าสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบว่าบริษัทได้ใช้อิทธิพลในทางที่ผิดหรือไม่ ในช่วงเวลาที่บริษัทชิปต่างๆ แข่งขักันอย่างร้อนแรงเพราะความต้องการที่จะขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
โฆษกของ Nvidia ผู้ผลิตชิปที่ตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์กล่าวตอบคำถามของ AFP ว่า "Nvidia เอาชนะได้ด้วยผลงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากผลการประเมินประสิทธิภาพและมูลค่าสำหรับลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาได้"
แม้ว่าผู้ซื้อชิปจะมีทางเลือก แต่ Nvidia ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเมื่อพูดถึงชิป AI แม้ว่าคู่แข่งจะพยายามอย่างหนักเพื่อแข่งขันกันก็ตาม
การยืนยันของ Nvidia เกิดขึ้นหลังจากมีข่าวตามรายงานของ Bloomberg และสื่ออื่นๆ ว่า เจ้าหน้าที่ต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบว่า Nvidia ใช้กลเม็ดบางอย่างที่ทำให้ลูกค้าเผชิญกับความยากลำบากที่จะเปลี่ยนมาใช้ GPU ของคู่แข่งหรือชิปอื่นเพื่อขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์หรือไม่
มีรายงานว่า ทางหน่วยงานได้ส่งคำถามที่มีผลผูกพันทางกฎหมายไปยัง Nvidia และบริษัทชิปอื่นๆ ในฐานะส่วนหนึ่งของการสืบสวนของสหรัฐฯ
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันทีจากสำนักข่าว AFP
บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกต่างลงทุนเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในชิปและซอฟต์แวร์ AI อันทรงพลังของ Nvidia เพื่อให้สามารถใช้งานโมเดล AI ในรูปแบบ ChatGPT ได้
Microsoft, Google, Meta, Tesla และ Amazon ต่างก็พึ่งพาเทคโนโลยีของ Nvidia ในการฝึกโมเดล AI เชิงสร้างสรรค์และดำเนินการเวิร์กโหลดการประมวลผลหนักที่จำเป็นในการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่
สัปดาห์ที่แล้ว Nvidia เปิดเผยว่ายอดขายประจำไตรมาสแตะระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสที่แล้ว แม้ว่าการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะช้ากว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วในไตรมาสก่อนหน้าก็ตาม
ราคาหุ้นของ Nvidia ร่วงลงอย่างรวดเร็วถึง 8% ในวันจันทร์ และต่อมาลดลงถึงเกือบ 10% เนื่องจากเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของการเติบโตของ AI ในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง
Photo - เจนเซน หวง ซีอีโอของ Nvidia กล่าวสุนทรพจน์สำคัญก่อนงาน Computex 2024 ที่ไทเปในวันที่ 2 มิถุนายน 2024 งาน Computex ถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีประจำปีระดับแนวหน้าของไต้หวัน ซึ่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตทุกอย่างตั้งแต่ iPhone ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ที่รัน ChatGPT (ภาพโดย Sam Yeh / AFP)