Nissan GT-R R35 ประกาศปิดตำนาน 18 ปี หลังโลดแล่นอยู่ในวงการรถในนาม “Godzilla” แต่ครั้งนี้อาจยังไม่ใช่จุดจบอย่างสมบูรณ์
ทันทีมีการประกาศหยุดผลิตอย่างเป็นทางการของ Nissan GT-R รุ่น R35 เมื่อ 26 สิงหาคม 2025 ที่โรงงานเมืองโทจิกิ ประเทศญี่ปุ่น นั่นเป็นสัญญาณว่า รถรุ่นนี้จะกลายเป็นความทรงจำของนักขับทั่วโลก หลังโลดแล่นอยู่บนถนนมากว่า 18 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2007
นี่ไม่ใช่การหายไปของ GT-R ครั้งแรก แต่ได้หายไปในรุ่นก่อนหน้าอย่าง R34 ในปี 2002 จนผ่านเวลาไป 5 ปี GT-R ได้กลับอีกครั้งในรุ่น R35 ในปี 2007 และได้มีการปรับปรุงในรุ่นย่อยมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2009, 2010, 2012 และ 2016 โดยตลอดระยะเวลา 18 ปี GT-R R35 ถูกผลิตออกมาประมาณ 48,000 คัน ทั่วโลก และได้รับการปรับโฉมหลายครั้ง ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี จนกลายเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในยุคนั้น
สิ่งที่ทำให้ GT-R R35 ถูกยกย่องคือ เครื่องยนต์ VR38DETT ขนาด 3.8 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ ที่สามารถเทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์ยุโรปได้แบบสบาย แต่ราคายังสามารถจับต้องได้ และยังได้ชื่อเล่นอย่าง "Godzilla" มาจากสื่อที่ใช้เรียกรถคันนี้ เพราะมีสมรรถนะที่ทรงพลังเหมือนสัตว์ประหลาดในตำนาน
ชื่อเสียงของรถคันนี้ยังเลื่องลือขึ้นไปอีก เพราะได้เคยไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์แห่งความเร็วอย่าง Fast&Furious 7 ในปี 2015 โดยผู้ที่อยู่หลังพวงมาลัยในฉากภาพยนตร์ คือ Brian O'Conner ตัวละครเอกของเรื่อง ทำให้รถคันนี้ยิ่งกลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของนักแข่งทั่วโลก
ก่อนถึงการอำลาครั้งนี้ Nissan GT-R R35 ได้ส่งท้ายด้วยรุ่นพิเศษ เช่น T-Spec Takumi Edition ที่มาพร้อมกับสี Midnight Purple ภายใน Mori Green และยังเป็นสัญลักษณ์เพื่อยกย่องช่างผู้ประกอบเครื่องยนต์ที่ชื่อ Takumi โดยรถรุ่นนี้มีไม่ถึง 200 คัน สำหรับในตลาดอเมริกาเหนือ ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 151,090 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่ก็ดูเหมือนว่า ครั้งนี้ก็ยังไม่ใช่การหายไปแบบถาวร เพราะ อีวาน เอสปิโนซา CEO ของ Nissan ระบุว่า ครั้งนี้ไม่ใช่การอำลา GT-R ไปตลอดกาล เพราะตั้งใจว่า จะมีการนำชื่อ GT-R กลับมาใช้อีกครั้งในสักวันหนึ่ง
ที่ผ่านมา GT-R R35 ยังไม่เคยปรากฏข้อมูลว่า เคยถูกประมูลอย่างเป็นทางการ แต่หลังจากการประกาศยุติการผลิต มีการคาดการณ์อาจมี 2 รุ่น ที่จะถูกนำไปเปิดประมูลในอนาคต ได้แก่ รุ่น 50th Anniversary Edition รุ่นพิเศษที่ผลิตเพียง 50 คันทั่วโลก เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ของ GT-R และ รุ่น T-spec Edition ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าการหยุดผลิตของ GT-R R35 อาจทำให้หลายคนรู้สึกเสียดาย แต่อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า นี่คงไม่ใช่จุดจบที่แท้จริง แต่เป็นการปิดฉาก เพื่อเปิดทางให้ GT-R ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
SOURCE :
