“Fenomeno” กลายเป็น:ซูเปอร์คาร์คันประวัติศาสตร์ที่เร็วที่สุดของ Lamborghini อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และมีเพียง 29 คันทั่วโลกเท่านั้น

ชื่อของ Lamborgini กลายเป็นมากกว่าชื่อแบรนด์รถ เพราะมันคือความใฝ่ฝันของนักขับทั่วโลกมายาวนาน ทุกเครื่องยนตร์และดีไซน์ที่สร้างสรรค์ออกมาเป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนความเร็วบนท้องถนน เป็นสิ่งที่สร้างตัวตนและเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้มาเป็นเวลากว่า 60 ปี 

มีรถหลายรุ่นที่ Lamborghini ได้คิดค้นและทำให้กลายเป็นขวัญใจของใครหลายคน โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นลิมิเต็ดอิดิชันที่ถูกผลิตออกมาด้วยจำนวนจำกัด และล่าสุด “Fenomeno” ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกบรรจุชื่อในตระกูลนี้ ด้วยจำนวนเพียง 29 คันทั่วโลกเท่านั้น 

รุ่น Fenomeno เป็นชื่อที่หยิบยกมาจากชื่อของวัวกระทิง นักสู้แห่งสังเวียนการประลองในเมืองโมเรเลีย ประเทศเม็กซิโก โดยภาษาอิตาลีและสเปนคำว่า Fenomeno หมายถึง “ปรากฏการณ์” ซึ่งสิ่งนี้คือจิตวิญญาณของเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ 

สมรรถนะของ Fenomeno เป็นซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่นับว่า มีประสิทธิภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Lamborghini ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอบกำลังเครื่องรวมถึง 1,080 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ V12 แบบดูดอากาศเข้าตามธรรมชาติให้กำลังเครื่องสูงสุด 835 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว จะให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า 

รถรุ่นนี้ยังมอบประสบการณ์ความเร็วของซูเปอร์คาร์ที่มีความเร็วที่สุดและสูงเกินขีดจำกัดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ด้วยความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 2.4 วินาที และจาก 0-2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 6.7 วินาทีเท่านั้น โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุดมากกว่า 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

และใครที่ชอบความเร็วในสนามแข่ง นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Lamborghini ได้ใส่เทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งมาไว้ใน Fenomeno อย่างระบบเบรก CCM-R Plus พร้อมกับดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิก ทำให้ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้จะมีกลิ่นอายของการแข่งขัน ที่มีประสิทธิภาพทั้งบนถนนและในสนามแข่งด้วยเช่นกัน 

งานออกแบบของรถรุ่นนี้ ค่อนข้างโดดเด่นและเต็มไปด้วยเสน่ห์สุดประณีตที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ด้านหน้ารถมีรูปทรงที่เพรียวบางและกระชับเข้ากับพื้นผิวขนาดใหญ่แนวสปอร์ต ไฟหน้ารถที่ยังคงรักษาซิกเนเจอร์ดั้งเดิมที่สะท้อนถึงส่วนเขาของกระทิงในโลโก้ Lamborghini 

ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปนั่งอยู่ในยานอวกาศ ตามหลักปรัชญา “Feel like a pilot” ของ Lamborghini ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และที่ทำให้ความรู้สึกได้เข้าใกล้กับการขับรถแข่งมากขึ้นไปอีก คือการตัดปุ่มควบคุมส่วนใหญ่ออกไป เพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการขับขี่บนท้องถนนมากขึ้น หรือแม้แต่การแข่งขันในสนามได้อย่างเต็มที่ 

ที่สร้างความพิเศษมากขึ้นไปอีก เพราะผู้ที่จะครอบครองซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ สามารถกำหนดเอกลักษณ์ของรถได้ในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยโทนสีภายนอกที่มีให้เลือกมากกว่า 400 สี และการออกแบบภายในที่มีให้เลือกรูปแบบอย่างหลากหลาย 

Lamborghini Fenomeno นับเป็นการยกระดับความหลงใหลในโลกซูเปอร์คาร์ให้แก่นักขับมากขึ้น และแม้อาจเป็นเหมือนความใฝ่ฝันของใครหลายคนที่ยังเอื้อมไม่ถึง แต่รถคันนี้ก็ได้กลายเป็นเหมือนงานศิลปะบนท้องถนนที่เคลื่อนที่ให้ทุกคนได้ชื่นชม 

เรื่อง : Pornthida Jedeepram