อากาศร้อนจัดไม่ได้แค่ทำให้เหนื่อย แต่อาจทำให้ร่างกายเข้าสู่ “ภาวะขาดน้ำ” โดยไม่รู้ตัว และเหงื่อที่ไหลออกมา อาจพรากน้ำออกจากร่างกายมากกว่าที่คุณคิด
ในวันที่อุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 35 องศาขึ้นไป ร่างกายจะยิ่งระบายน้ำออกจากร่างกายมากกว่าปกติ และนั่นอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว
แม้เราจะคุ้นชินกับอากาศร้อน แต่ก็ไม่ควรละเลยกับอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ อย่าง “ภาวะขาดน้ำ” หรือ Dehydration เพียงแค่เดินออกไปสัมผัสกับแดดร้อนๆ หรือทำกิจกรรมที่ร่างกายขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายมากกว่าแค่การกระหายน้ำ
การดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวันก็เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะนี้ได้ และจะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก หรือใครที่มักจะต้องอยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด หรือสูญเสียเหงื่อมากๆ อย่างการออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้ง เช่น การทำอาชีพเกษตรกร หรือทำงานก่อสร้าง และใครที่ชอบใช้บริการอบซาวน่าหรืออบไอน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุได้ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เราควรทำคือคอยหมั่นสังเกตตัวเอง หากเริ่มมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ปัสสาวะน้อย สีเข้ม อาการมึนหัว เบลอ รู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ ไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย เหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ร่างกายของเรากำลัง “ขาดน้ำ” จากสภาพร้อนจัด
แต่ที่น่ากังวลคือ อาการเหล่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่ปัญหาต่อระบบต่างๆ ในร่างกายต่อไป ไม่ว่าจะเป็น ระบบหมุนเวียนเลือดที่ทำงานหนักมากขึ้น, ความดันโลหิตที่อาจลดลง หรืออุณหภูมิร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งเสี่ยงที่จะเป็นลมแดด หรือแม้แต่อาการปวดหัว เวียนหัว หรืออ่อนแรง
ดังนั้นหากรู้ล่วงหน้าว่า ตัวเองจะต้องไปสัมผัสกับอากาศที่ร้อนจัด อย่างแรกที่ควรทำ คือการดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ แม้ไม่ได้รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานๆ โดยไม่ป้องกัน ควรจะพกร่ม หมวก หรือเสื้อแขนยาวไว้ระบายอากาศ
“คาเฟอีน” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นใครที่ชอบดื่ม ชา กาแฟ รวมไปถึงแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ “มากจนเกินไป” อาจเฉลี่ย 4-5 แก้วต่อวัน ควรต้องงดเว้นหรือลดปริมาณลงในทันที
ภาวะขาดน้ำอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่เมื่อเทียบกับผลกระทบที่รออยู่อาจไม่ได้เล็กตามไปด้วย เพราะน้ำเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่จะทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างปกติ
ดังนั้นอย่ารอให้กระหายน้ำ…. เพราะเมื่อถึงจุดนั้น ร่างกายคุณอาจ “ขาดน้ำ” ไปแล้ว
SOURCE :
https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/140365-2/
https://drs.illinois.edu/Page/SafetyLibrary/Dehydration
https://www.bbc.com/thai/internationa