หากบนชุดของ “ลิซ่า ลลิษา” ในงาน Met gala 2025 เป็นใบหน้าของหญิงที่ชื่อ “โรซา พาร์คส์ ” ทำไมชาวเน็ตถึงวิพากษ์วิจารณ์ จนเกิดดรามา

กลายเป็นข้อสังเกตจากชาวเน็ต ที่นำไปสู่ดรามาถึงความไม่เหมาะสม ภายหลัง “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” ปรากฏตัวบนพรมแดงในงาน Met Gala 2025 โดยเธอได้สวมชุดบอดี้สูท ลายลูกไม้สีดำ ที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่หากซูมดูถึงดีเทลแล้ว จะพบว่า มีการปักภาพใบหน้าของคน หนึ่งในนั้นคือ การถักร้อยภาพ หญิง สวมแว่นตา ทำให้มีการคาดเดาว่า คล้ายกับใบหน้าของ “โรซา หลุยส์ แมคคอลีย์ พาร์กส์” หรือ โรซา พาร์คส์  นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง 

แต่ในอีกด้านหนึ่งของความเห็น แม้จะมีมุมมองที่คล้ายกัน แต่ก็ยังไม่การันตีว่า นั่นใช่ใบหน้าของ โรซา พาร์คส์  หรือไม่ 

ดรามาในครั้งนี้ ดูเหมือนจะจบลงอย่างครึ่งๆ กลางๆ เพราะฝั่งเจ้าของแบรนด์ อย่าง Louis Vuitton ได้ออกมาชี้แจงว่า ลายลูกไม้ที่อยู่บนชุดของลิซ่า เป็นภาพเหมือนของบุคคลที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตศิลปิน เพียงเท่านั้น ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นใบหน้าของใคร

หลายคนคงอยากรู้ว่า “โรซา พาร์คส์ ” เป็นใคร ทำไมการที่ศิลปินเคป๊อปชื่อดังอย่าง “ลิซ่า” ถึงถูกโจมตีว่า ไม่เหมาะสม ที่สวมใส่ชุดลายลูกไม้สุดแกลมที่มีใบหน้าคล้ายของหญิงคนนี้อยู่

จากข้อมูลของ Britannica ได้เล่าถึงชีวิตช่วงวัยเด็กของ โรซา พาร์คส์ ว่า เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ประกอบอาชีพช่างหิน และช่างไม้ที่มีฝีมือดี แต่แล้วเมื่อเธออายุได้เพียง 2 ขวบ พ่อและแม่ของเธอได้ตัดสินใจแยกทางกัน โดยโรซาได้ย้ายไปอยู่กับแม่ซึ่งมีอาชีพเป็นครู และเธอก็ได้เรียนหนังสือที่บ้าน ตลอดช่วงวัยเด็ก โรซา พาร์คส์ ได้พบประสบการณ์ที่ไม่ดีนัก เพราะมักถูกเหยียดเชื้อชาติจากคนผิวขาว 

กระทั่งเธอได้แต่งงานกับ “เรย์มอนด์ พาร์คส์” นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง ในวัย 19 ปี ซึ่งต่อมาเขาคือสามีของเธอ  เขาเป็นผู้ที่สนับสนุนให้เธอกลับไปเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญา และในปี 1943 โรซา พาร์คส์ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสาขามอนต์โกเมอรีสมาคมแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี (NAACP) 

ต่อมาในปี 1995 ตามการรายงานของสถานทูตสหรัฐอเมริกาในมอนเตเนโกร (U.S. Embassy in Montenegro) ระบุว่า โรซา พาร์คส์  ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เธอคือผู้ที่จุดชนวนในขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง โดยการปฏิเสธที่จะสละเก้าอี้บนรถบัสสาธารณะที่มีการแบ่งแยกสีผิวในมอนต์โกเมอรี เมืองหลวงของรัฐอลาบามา ในอเมริกา 

การแสดงออกของเธอในครั้งนั้น ทำให้เกิดการคว่ำบาตรรถบัสสาธารณะ กินเวลานานกว่า 381 วัน พร้อมกับส่งศาลตัดสินว่า การแบ่งแยกสีผิวบนรถบัสสาธารณะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลังจากเหตุการณ์นี้เธอได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียม และยังคงเดินหน้าทำงานในการปกป้องสิทธิพลเมืองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โรซาพาร์คส์ยังได้ร่วมก่อตั้งสถาบัน Rosa and Raymond Parks Institute for Self-Development ในปี 1987 เพื่อร่วมแชร์เรื่องราวอันเป็นประวัติศาสตร์ของการเรียกร้องสิทธิพลเมืองอีกด้วย

ความกล้าหาญของเธอยังจุดประกาย และส่งผลต่อจิตใจของผู้คนในสังคมอเมริกัน จนทำให้รัฐสภาสหรัฐอเมริกา ได้สร้างรูปปั้นของเธอแบบเต็มตัว ซึ่งเป็นรูปปั้นแรกของชาวอเมริกัน เชื้อสายแอฟริกาในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ อีกด้วย 

แม้ว่าการปักภาพใบหน้าของผู้คนในประวัติศาสตร์ จริงๆ ก็อาจจะมีหลากหลายความคิดเห็นที่มีมุมมองแตกต่างกันไป  อย่างเช่นดราม่าที่เกิดขึ้นกับชุดของ Louis Vuitton ที่ลิซ่าเป็นผู้สวมใส่ ความจริงผู้ออกแบบและผู้ที่พรีเซนต์ชุดอาจจะไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี ที่ต้องการจะดูหมิ่นบุคคลในประวัติศาสตร์ หากมองในมุมของแฟชั่น วิธีนี้อาจจะเป็นการสะท้อนความหมายและพลังของความเท่าเทียมตามธีมของงานนี้ และนี่อาจจะเป็นวิธีการแสดงออกของพวกเขาที่ต้องการให้นึกถึงความกล้าหาญ “โรซา พาร์คส์” ก็เป็นได้