เทรนด์สุขภาพมาแรง! สมาร์ทวอทช์ Garmin ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพองค์รวม เผยผลวิจัย การออกกำลังกายและการนอนหลับที่เพียงพอช่วยเพิ่มความสุข ลดความเครียด
ปัจจุบัน ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellbeing) มากขึ้น ซึ่งหมายถึงการใส่ใจสุขภาพในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยมีเป้าหมายในการป้องกันโรค (Prevention) และดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว การนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการข้อมูลสุขภาพจึงมีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Health Tech) อย่างสมาร์ทวอทช์ ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถมอนิเตอร์ข้อมูลสุขภาพของตนเองได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดการตระหนักรู้ถึงสุขภาพของตัวเอง และกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นแบบเชิงรุก
คุณหรรษา อาภานุกูล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2024 ที่ผ่านมาเป็นปีแห่งการเติบโตและเป็นปีแห่งความสำเร็จของ Garmin ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสการให้ความสำคัญกับสุขภาพที่ยังมาแรงต่อเนื่องทั่วโลก ประกอบกับความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง Garmin จึงเข้าไปช่วยตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้คนที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการของ Garmin เติบโตถึง 20%”
GARMIN ผู้ส่งมอบที่สุดของความหลากหลายทางเทคโนโลยี GPS ตั้งแต่อุตสาหกรรมการบิน ยานยนต์ การเดินทะเล ฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง เผยรายได้ปี 2024 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยรายได้ 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 20% จากปีก่อน และทำสถิติรายได้สูงสุดในทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจ
นอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพแล้ว Garmin ยังมุ่งมั่นในการศึกษาวิจัยร่วมกับพาร์ทเนอร์ในหลากหลายอุตสาหกรรมผ่าน Garmin Health Solution เพื่อตอกย้ำถึงประโยชน์ของการติดตามข้อมูลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับนักวิจัยจาก Harvard Kennedy School of Government, Harvard T.H. Chan School of Public Health, สถาบัน Wellbeing Research Centre ของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (University of Oxford), มหาวิทยาลัยวอร์วิค (University of Warwick), มหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน (University of Saskatchewan) และบริษัท Avicenna Research เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพและความสุข โดยทำแบบสอบถามและเก็บข้อมูลผ่านสมาร์ทวอทช์ของ Garmin
การศึกษานี้เริ่มต้นจากโครงการนำร่อง (Pilot Study) และจะขยายสู่งานวิจัยที่ใช้กลุ่มตัวอย่างใหญ่ขึ้นถึง 10,000 คน โดยเปิดรับสมัครผู้ใช้ Garmin จากทั่วโลก ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.healthandhappinessstudy.com/ ซึ่งผลการศึกษานำร่องเผยข้อมูลที่น่าสนใจ ได้แก่
• การออกกำลังกายและการนอนหลับที่เพียงพอในแต่ละวัน ซึ่งวัดผลด้วยอุปกรณ์ Garmin มีความสัมพันธ์อย่างมากกับความสุขที่เพิ่มขึ้น และระดับความเครียดที่ลดลง
• ความมั่นคงทางอารมณ์แตกต่างกันไปตามอายุ โดยผู้ที่มีอายุมากมีความมั่นคงทางอารมณ์มากกว่า ขณะที่ผู้ที่อายุน้อยมีความแปรปรวนทางอารมณ์มากกว่า
• ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าการติดตามอารมณ์ของตัวเองตลอดวันเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
• กลุ่มตัวอย่างมีความสุขที่สุดเมื่อมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมและสังคม เมื่อได้รับประทานอาหาร หรือเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัว
คุณหรรษา กล่าวเสริมว่า “งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายและการนอนหลับมีผลต่อระดับความเครียดและความสุข และการที่เราจะทราบว่าร่างกายของตนเองได้รับการออกกำลังกายและพักผ่อนที่เพียงพอหรือไม่นั้น จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีในการติดตามและวัดผล สมาร์ทวอทช์จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ข้อมูลสุขภาพของตนเอง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสุขโดยตรง”
“การเติบโตของ Garmin ในครั้งนี้ เกิดจากการที่ผลิตภัณฑ์ของเราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองผ่านฟีเจอร์ที่ครอบคลุมเกือบทุกด้านของ Garmin ไม่ว่าจะเป็น การวัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด การติดตามระดับความเครียด ระดับความเข้มข้นในการออกกำลังกาย (Intensity Minutes) การติดตามสุขภาพของผู้หญิง
ทั้งการติดตามรอบเดือนและการติดตามการตั้งครรภ์ อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับพลังงานร่างกาย (Body Battery) การติดตามการนอนหลับ การติดตามการดื่มน้ำ อัตราการหายใจ และฟีเจอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ ECG ที่เพิ่งเปิดใช้งานในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา Garmin ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงฟีเจอร์สุขภาพให้ครอบคลุมรอบด้านมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบข้อมูลสุขภาพที่หลากหลายและถูกต้องแม่นยำ สนับสนุนให้เกิดการดูแลสุขภาพเชิงรุก ซึ่งจะส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว” คุณหรรษา กล่าวปิดท้าย