"จระเข้" พลิกโฉมวงการก่อสร้าง สู่มาตรฐานใหม่เพื่อสุขภาพ ด้วย Dustless Technology ลดฝุ่น 80%

“จระเข้” ปฏิวัติวงการก่อสร้างด้วยสุดยอดนวัตกรรม “Dustless Technology” รายเดียวในไทย ลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นถึง 80% สร้างมาตรฐานใหม่ “กาวซีเมนต์ปลอดภัย-ยั่งยืน” เร่งแก้วิกฤตฝุ่น-ลดผลกระทบต่อสุขภาพ

จากสถานการณ์วิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่ทวีความรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในหลายจังหวัดทั่วประเทศ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำนวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรสัญชาติไทยที่ใส่ใจคนและดูแลสิ่งแวดล้อม ได้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว จึงเดินหน้านำเสนอเทคโนโลยีก่อสร้างคุณภาพสูงที่ดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้งานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐานระดับสากลมาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด จระเข้ ได้เผยการนำสุดยอดนวัตกรรม Dustless Technology มาใช้ในผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ทั้ง 8 รุ่น ซึ่งถือเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ใช้นวัตกรรมดังกล่าว โดยสามารถลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นในการใช้งานได้มากถึง 80% นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการก่อสร้าง ชี้ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยุคใหม่ต้องไปไกลกว่าแค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและโลกที่ยั่งยืน

หนึ่งในวิกฤตสำคัญของประเทศไทยในปัจจุบันคือปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานโลก คนไทยในหลายจังหวัดต้องใช้ชีวิตอยู่กับมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า ในเดือนมกราคมปี 2568 พบผู้ป่วยจากฝุ่น PM2.5 กว่า 144,000 ราย ซึ่งโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ และกลุ่มโรคปอด แน่นอนว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ทั้งการเผาป่า โรงงานอุตสาหกรรม ไอเสียจากยานพาหนะ ไปจนถึงการขยายตัวของงานก่อสร้างทั่วประเทศทั้งงานก่อสร้างใหม่และงานซ่อมแซม

ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “จระเข้ ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรและผู้นำตลาดกาวซีเมนต์เมืองไทย เล็งเห็นถึงความเร่งด่วนและความสำคัญของการลดฝุ่นในงานก่อสร้างตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงขั้นตอนการใช้งาน สอดคล้องกับปณิธานในการดำเนินธุรกิจของเราที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมก่อสร้างที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เราได้ศึกษาแนวทางการใช้เทคโนโลยีระดับโลกมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นอย่างเป็นรูปธรรม

ในวันนี้ จระเข้ ภาคภูมิใจที่เป็นเจ้าเดียวในไทยที่นำ Dustless Technology มาใช้กับผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องทั้ง 8 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นยอดนิยมอย่างกาวซีเมนต์จระเข้เขียว ไปจนถึงรุ่นพรีเมียมสำหรับงานปูทับอย่างกาวซีเมนต์จระเข้ทอง โดยนวัตกรรมนี้ช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นได้มากถึง 80% ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการใช้งานในพื้นที่ก่อสร้าง นวัตกรรมนี้จะได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนเจ้าของบ้านที่คำนึงถึงสุขภาพและความยั่งยืน เพราะ Dustless Technology ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม”

สำหรับ Dustless Technology นวัตกรรมลดฝุ่นของกาวซีเมนต์ปูกระเบื้องของจระเข้ เมื่อเทียบกับกาวซีเมนต์ทั่วไป พบว่ามีปริมาณฝุ่นในอากาศหลังเขย่าน้อยกว่าสูตรปกติถึง 80% ทำให้ผู้พัฒนาโครงการก่อสร้าง ผู้รับเหมา ช่าง และเจ้าของบ้าน มั่นใจได้ว่ากาวซีเมนต์ปูกระเบื้องเทคโนโลยี Dustless ของจระเข้ จะช่วยลดปัญหาฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

จระเข้ นำเทคโนโลยีลดฝุ่น “Dustless Technology” มาใช้กับกาวซีเมนต์ปูกระเบื้องทั้ง 8 รุ่น เพื่อตอบรับงานปูกระเบื้องทุกสเกล ไม่ว่าจะเป็นกาวซีเมนต์จระเข้เขียว ขวัญใจช่างไทย, กาวซีเมนต์จระเข้แดง สำหรับงานปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ, กาวซีเมนต์จระเข้เงินและจระเข้ทอง สำหรับงานปูทับ, กาวซีเมนต์จระเข้เอ็กซ์ตรีม สำหรับกระเบื้อง Big Slab, กาวซีเมนต์จระเข้สโตนเมท สำหรับหินอ่อนและหินธรรมชาติ, กาวซีเมนต์จระเข้เกรย์สโตนเมท สำหรับปูกระเบื้องสีเข้ม และกาวซีเมนต์จระเข้เอ็กซ์เพรส สำหรับงานเร่งด่วนที่แห้งเร็ว

นวัตกรรมกาวซีเมนต์ลดฝุ่นของจระเข้ สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมากว่า 32 ปี โดยบริษัทได้สร้างสัญลักษณ์ Jorakay Green Products เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งนวัตกรรมปูกระเบื้อง ซ่อมสร้าง และสีทาอาคาร ซึ่งผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บริษัทยังติดตั้งระบบกำจัดฝุ่นที่ทันสมัยภายในโรงงานเพื่อดูแลสุขภาพพนักงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาฟีเจอร์คำนวณการใช้กาวซีเมนต์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ บนเว็บไซต์เพื่อช่วยลดการสิ้นเปลือง

ดร.จิรัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จระเข้ ดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืนผ่านเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5 ประการ ได้แก่ การลดการปล่อย CO2, ลดปริมาณขยะและของเสีย, ลดฝุ่น, เพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพัฒนาทักษะบุคลากร เราจะเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแนวทางธุรกิจที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืน”