ชวนตรวจสุขภาพน้องหมา ยิ่งอายุมากยิ่งมีปัญหาโรคหัวใจจากความเสื่อมถึง 60%

ชวนตรวจสุขภาพน้องหมา ยิ่งอายุมากยิ่งมีปัญหาโรคหัวใจจากความเสื่อมถึง 60%
รพ.สัตว์อารักษ์ เผยสุนัขเสี่ยงโรคลิ้นหัวใจรั่วถึง 75% พร้อมเสนอทางเลือกใหม่ ‘ผ่าตัดลิ้นหัวใจไมทรัล’  ชูการตรวจด้วย 3D Echocardiogram อัลตราซาวน์หัวใจแบบ 3 มิติ พร้อมทีมสัตวแพทย์ด้านโรคหัวใจ

นอกจากคนเราควรจะต้องตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กร่างกาย ป้องกันโรคภัยก่อนจะเป็น หรือหากเป็นแล้วจะได้เร่งรักษา เหล่าสัตว์เลี้ยงของเราก็เช่นกัน ยิ่งสุนัขที่อายุมากยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้าย โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ เผยว่า 10% ของจำนวนสุนัขที่มาโรงพยาบาลพบปัญหาโรคหัวใจ และพบว่า ในสุนัขอายุมากมีปัญหาโรคหัวใจจากความเสื่อมถึง 60%

ที่มักพบได้บ่อยคือ โรคลิ้นหัวใจไมทรัลเสื่อม (Myxomatous mitral valve disease, MMVD) โดยพบประมาณ 75 % ของสุนัขที่เป็นโรคหัวใจ รองลงมาได้แก่ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขยาย (Dilated cardiomyopathy, DCM) ซึ่งโรคหัวใจมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น จะแสดงอาการเมื่อโรคมีการพัฒนามากขึ้น เป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และถึงแก่ชีวิตได้ 

โรคหัวใจในสุนัขมีทั้ง ที่เป็นมาแต่กำเนิดจากพันธุกรรม และที่เกิดขึ้นภายหลังจากความเสื่อมของร่างกาย โดยแบบหลังมักพบในกลุ่มสุนัขอายุ 7-8 ปีขึ้นไป หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน โดยสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ได้แก่ คาวาเลียร์ คิง ชาลส์ สแปเนียล ชิวาว่า ปอมเมอเรเนียน บีเกิล พุดเดิ้ล ดัชชุน มอลทีส บอสตัน เทอร์เรียร์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ โดเบอร์แมน และค็อกเกอร์ สแปเนียล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้โรคหัวใจในสุนัขจะเป็นโรคที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง แต่หากตรวจพบได้เร็ว และได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องก็จะสามารถชะลอความรุนแรงของโรค ทำให้สุนัขมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น

สพ.ญ.ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้ง โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ กล่าวว่า “โรคหัวใจเป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยในสุนัข ที่โดยส่วนใหญ่รักษาด้วยการใช้ยาเป็นหลักและต้องรับยาไปตลอดชีวิต ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศเริ่มมีการใช้การผ่าตัดในการรักษาโรคหัวใจบางประเภท อาทิ การซ่อมลิ้นหัวใจไมทรัลรั่วในสุนัขกันมากขึ้น ซึ่งต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงและความชำนาญ จึงอาจทำให้การผ่าตัดในประเทศไทยยังมีไม่มากนัก แต่ด้วยความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร เราจึงลงทุนด้านเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัยและครบครัน พร้อมด้วยทีมสัตวแพทย์ด้านโรคหัวใจที่มีประสบการณ์ ให้ศูนย์โรคหัวใจของโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์มีความพร้อมในการตรวจวินิจฉัยและวางแผนหาแนวทางและทางเลือกการรักษาโรคหัวใจเพื่อความปลอดภัยในการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์เลี้ยง”

นอกจากการตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว สุนัขสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยง หรือสุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 7 – 8 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจสุขภาพหัวใจ (Heart Check Up) ร่วมด้วยโดยไม่ต้องรอให้แสดงอาการ โดยสัตวแพทย์จะวินิจฉัยหลายวิธีร่วมกัน ทั้งการฟังเสียงหัวใจ และการตรวจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความทันสมัยและครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพเอกซเรย์ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ รวมถึงเครื่อง 3D Echocardiogram สำหรับการตรวจอัลตราซาวน์หัวใจแบบ 3 มิติที่จะช่วยให้เห็นภาพโครงสร้างหัวใจได้อย่างชัดเจน เพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยและยังใช้ในการพิจารณาเคสที่สามารถรักษาด้วยแนวทางอื่นนอกจากการใช้ยาได้ 

โดยเจ้าของสามารถทราบผลการตรวจสุขภาพหัวใจได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ หากต้องการความชัดเจนของโครงสร้างหัวใจมากยิ่งขึ้น เช่นในกรณีความผิดปกติโดยกำเนิดอย่างภาวะเส้นเลือดหัวใจเกิน (Patent ductus arteriosus, PDA) หรือการตรวจก่อนการผ่าตัด ก็สามารถตรวจหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT-Scan) ที่โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ได้เลยเช่นกัน

“อารักษ์มุ่งดำเนินการภายใต้แนวคิด Pet Humanization ตอบโจทย์กลุ่มคนที่เลี้ยงสัตว์เสมือนลูกหรือคนในครอบครัว เราจึงลงทุนในเครื่องมือการแพทย์เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกับการรักษาของคน ซึ่งจะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยได้ลงลึกมากขึ้น ช่วยเพิ่มทางเลือกและโอกาสในการรักษาให้กับเจ้าของและสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก” สพ.ญ.ทัศวรินทร์กล่าวเสริม

การตรวจเจอโรคได้เร็วตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา เพียงดูแลควบคุมไลฟ์สไตล์และสิ่งแวดล้อม ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ด้วยการดูแลเรื่องอาหาร ควบคุมน้ำหนัก และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจทำงานหนัก ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ หรือหากตรวจเจอในระยะที่ต้องรักษาด้วยยาแล้ว การดูแลไลฟ์สไตล์และสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตก็สามารถช่วยลดการใช้ยาได้ นอกจากนี้ โรคหัวใจบางประเภทยังมีทางเลือกการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งไม่เพียงมีแนวโน้มที่จะทำให้สุนัขหายจากโรคหัวใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายหรืออาจช่วยจบวงจรค่าใช้จ่ายยารักษาที่เจ้าของต้องจ่ายในทุกเดือนได้ด้วย

“การรักษาด้วยการใช้ยาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 5,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ไปจนตลอดชีวิตของสัตว์เลี้ยง การผ่าตัดจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้เจ้าของสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ในระยะยาว การรักษาด้วยการผ่าตัดในประเทศไทยอาจยังไม่แพร่หลายมากนักด้วยข้อจำกัดทั้งด้านบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่เป็นทางเลือกการรักษาที่หลายประเทศเริ่มหันมาทำกันมากขึ้น เนื่องจากการผ่าตัดมีแนวโน้มจะช่วยให้สุนัขหายหรือดีขึ้นจากโรคได้ ซึ่งศูนย์โรคหัวใจของอารักษ์มีความพร้อมในทุกด้าน ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย นำเสนอแนวทางการรักษา ประเมินโอกาสความสำเร็จในการผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์อันทันสมัย ห้องผ่าตัดที่มีมาตรฐาน ทีมสัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์และชำนาญการรักษาโรคหัวใจ ไปจนถึงพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรตามความต้องการของสัตว์เลี้ยง (Pet-Centric Design) เหมาะสมกับการพักฟื้น พร้อมทีมดูแลหลังผ่าตัดตลอด 24 ชั่วโมง” สพ.ญ.ทัศวรินทร์ กล่าวปิดท้าย

เจ้าของสุนัขสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยง หรือมีอายุตั้งแต่ 7 – 8 ปีขึ้นไป ควรหมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยง หากมีอาการไอ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ทำกิจกรรมน้อยลง ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด หรืออาเจียน อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคหัวใจ ควรรีบพามาพบสัตวแพทย์โดยเร็ว โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์เปิดให้บริการสัตว์เลี้ยงทั่วไปตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการศูนย์โรคหัวใจและคลินิกพิเศษอื่นๆ โดยสัตวแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ หรือนัดหมายบริการได้ที่ โทรศัพท์ 02- 1069977 เว็บไซต์ https://arakanimal.com Line OA @arakanimal หรือhttps://www.facebook.com/ArakAnimalHospital

TAGS: #สุนัข #สัตว์เลี้ยง #โรคหัวใจ