แม้ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ และยังออกกำลังกายตลอด ก็ยังเสี่ยงเป็นมะเร็งตับ ควรตรวจคัดกรองและเข้ารับบริการรักษาไวรัสตับอักเสบบีและซี
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตามที่มีสื่อสังคมออนไลน์ให้ข้อมูลผู้ป่วยโรคมะเร็งตับตรวจเจอเพียงสองเดือนแล้วเสียชีวิต ตามรายงานเผย คนไข้วัย 37 ปวดท้อง กินไม่ได้ ตาเหลือง ตรวจเจอมะเร็งตับ แม้ไม่ดื่ม สุดท้ายเสียชีวิต
ซึ่งมะเร็งตับที่ทำให้คนไข้ปวดท้อง กินไม่ได้ ตัว ตาเหลือง ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนมา รพ. ความน่าตกใจของมันก็คือ แสดงอาการแค่ 1 อาทิตย์ โผล่มาในระยะที่ รักษาไม่ได้แล้ว คนไข้เป็นคนออกกำลังกาย ไม่ดื่มเหล้า ความน่ากลัว ก็คือ คนไข้เสียชีวิตในเวลาแค่ 2 เดือน หลังตรวจเจอ ครอบครัวพาไปปรึกษา อาจารย์แพทย์ที่ โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง เห็นว่า ร่างกายไม่แข็งแรงพอ ที่จะรับยาใดๆ ได้แล้ว
ในความน่าตกใจ ความน่ากลัว มันยังมีความน่าเสียดายซ่อนอยู่ เคสนี้ คือ ตัวอย่างของคนที่เป็นมะเร็งตับ จากการติดเชื้อไวรัสตับ โดยที่ไม่เคยมีอาการใดๆ ทางตับ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ ไวรัสตับ ที่ก่อให้เป็นมะเร็งตับ หลัก ๆ ก็คือ ไวรัสตับบี และไวรัสตับซี
นายแพทย์วีรวุฒิ เผยว่า จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่าปัจจุบันประเทศไทยพบจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงประมาณ 16,000 รายต่อปี โดยสาเหตุหลักของการเสียชีวิตเนื่องมาจากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในระยะแสดงอาการแล้วซึ่งมักจะเป็นระยะท้ายของโรค มะเร็งตับจะเริ่มแสดงอาการเมื่อมีภาวะตับวายเกิดขึ้น โดยเมื่อถึงภาวะดังกล่าวถือเป็นระยะที่ยากต่อการรักษาให้หายขาดได้มีโอกาสเสียชีวิตสูง
โดยความเสี่ยงสำคัญของมะเร็งตับได้แก่ภาวะไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังและภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุ อย่างไรก็ตามหากตรวจพบไวรัสตับอักเสบบีและซีได้เร็วก็จะสามารถได้รับการรักษาและตรวจคัดกรองหามะเร็งตับได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
ว่าที่ร้อยตำรวจโทหญิง นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังและตับอักเสบซีเรื้อรังเป็นภาวะที่ไม่ค่อยแสดงอาการ บางรายอาจพบค่าการอักเสบของตับสูงเกินเกณฑ์จากผลตรวจสุขภาพนำไปสู่การสืบค้นหาไวรัสตับอักเสบบีตามมา
ซึ่งหากมีภาวะตับอักเสบต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะตับแข็งและมะเร็งตับตามมาได้ ในปัจจุบันผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังและไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังเมื่อเข้ารับการตรวจรักษาจะได้รับการประเมินโดยแพทย์ 2 ประการ
ประการแรกคือประเมินข้อบ่งชี้การรับประทานยาต้านไวรัส โดยประโยชน์ของการรับประทานยาต้านไวรัสในผู้ที่มีข้อบ่งชี้ จะช่วยลดอัตราการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับตามมาในอนาคตได้
ประการที่สองแพทย์จะทำการตรวจคัดกรองมะเร็งตับด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ตับและเจาะเลือดดูสารบ่งชี้มะเร็ง(Tumor marker) ที่ชื่อ Alpha fetoprotein โดยประโยชน์ที่สำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งตับช่วยทำให้เพิ่มโอกาสการตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มแรกในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ
ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าในการรักษาตามแต่ละระยะของโรค อาทิ การผ่าตัดรักษา การจี้ด้วยไฟฟ้า และอื่นๆให้มะเร็งตับระยะเริ่มแรกหาดขาดได้ กระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาโรคมะเร็งตับอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ จึงกำหนดนโยบายกระทรวงสาธารณสุขด้านมะเร็งครบวงจรในการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรัง สำหรับประชาชนที่เกิดก่อนปี 2535 ในสถานพยาบาลใกล้บ้านทั่วประเทศโดยตั้งเป้าหมายคัดกรอง 1 ล้านรายภายในปีงบประมาณ 2567
โดยมีทีม Cancer Warriors ผลักดันให้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อค้นหาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรังรายใหม่ให้ได้เข้ารับการรักษาและตรวจคัดกรองมะเร็งตับตามมาตรฐานอีกด้วย