ร่วมยุติเลือกปฏิบัติผู้ป่วยโรคเอดส์ ในวันยุติการเลือกปฏิบัติสากล

ร่วมยุติเลือกปฏิบัติผู้ป่วยโรคเอดส์ ในวันยุติการเลือกปฏิบัติสากล
ร่วมสร้างกระแสสังคมเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่ใช่ผู้กระทำผิด และสมควรได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นคนทั่วไป

เนื่องในวันยุติการเลือกปฏิบัติสากล 1 มีนาคม 2566 นี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ขอเชิญชวนร่วมสร้างกระแสสังคมเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่ใช่ผู้กระทำผิด และสมควรได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นคนทั่วไป ให้ทุกคนเปิดใจยอมรับว่าทุกชีวิตมีคุณค่า ไม่ตีตรา ไม่เลือกปฏิบัติเพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมที่ปราศจากการตีตราและเลือกปฏิบัติมุ่งสู่เป้าหมายการยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573

นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึง วันยุติการเลือกปฏิบัติสากล 1 มีนาคม ว่าประเทศไทยมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานยุติปัญหาเอดส์ภายในปี พ.ศ.2573 โดยจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือปีละไม่เกิน 1,000 ราย ลดการเสียชีวิตจากเอดส์เหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย และลดการตีตราและเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศภาวะ เหลือไม่เกินร้อยละ 10 

โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ได้กำหนดแนวคิดในการรณรงค์ เนื่องในวันยุติการเลือกปฏิบัติสากล ปี พ.ศ. 2566 คือ “Save lives: Decriminalise” ช่วยชีวิตและยุติปัญหาเอดส์: ยุติการเลือกปฏิบัติ เพราะการมีเชื้อเอชไอวีไม่ใช่ความผิด ไม่ควรถูกตัดสินหรือตีตราและเลือกปฏิบัติ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับทุกคน มีสิทธิในความเป็นส่วนตัว มีสิทธิในการกำหนดชีวิตของตนเอง มีสิทธิในการได้รับสวัสดิการและบริการทางสังคม รวมถึงมีสิทธิในการได้รับบริการป้องกันและรักษาอย่างเท่าเทียม เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนในสังคมได้อย่างปกติ

นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค ได้มีการดำเนินการให้สอดคล้องกับเป้าหมายว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์เกี่ยวกับการลดการตีตราและเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะ จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องสิทธิเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยเน้นในประเด็นสำคัญ ดังนี้

หยุดบังคับตรวจเอชไอวี เพราะทุกคนมีสิทธิในความเป็นส่วนตัว ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของบุคคล ถือเป็นเรื่องส่วนตัวและเป็นความลับ การเปิดเผยข้อมูลต้องได้รับความยินยอม สถาบันการศึกษาและสถานประกอบการทุกแห่งต้องปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยกฎระเบียบเดียวกันกับผู้อื่น โดยไม่บังคับให้ตรวจเอชไอวีเพื่อเป็นเงื่อนไขในการรับเข้าศึกษา และเข้าทำงาน

หยุดใช้เอชไอวีเป็นเงื่อนไขในการทำงาน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีสิทธิในการทำงาน มีโอกาสในการได้รับการจ้างงานเท่ากับผู้อื่น การมีเงื่อนไขตรวจเอชไอวีก่อนรับเข้าทำงาน และการเลิกจ้างเพราะติดเชื้อเอชไอวีเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ดังนั้น จึงส่งเสริมการดำเนินงานตามมาตรการการคุ้มครองและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสถานประกอบการอย่างเท่าเทียม และขจัดการเลือกปฏิบัติ รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวีหรือเอดส์ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งปัจจุบัน “เอดส์ รักษาได้” ถ้าผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับยาต้านไวรัสเร็วและกินยาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกดปริมาณเชื้อไวรัสได้สำเร็จ ทำให้ไม่ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนทั่วไป สามารถประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้ หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

TAGS: #โรคเอดส์ #กรมควบคุมโรค