ซึมเศร้าหลังคลอด ปัญหาสุขภาพจิตของแม่ ที่ส่งผลต่อลูก

ซึมเศร้าหลังคลอด ปัญหาสุขภาพจิตของแม่ ที่ส่งผลต่อลูก
"เป็นเรื่องปกติไหมที่จะเกลียดลูกน้อยของคุณ" ภาวะซึมเศร้าหลังลอด ปัญหาสุขภาพจิตของแม่ ที่อาจส่งผลต่อลูก คนในครอบครัวช่วยกันสังเกตได้

ข้อมูลจากเว็บไซต์พบแพทย์ ระบุว่า ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หรือ Postpartum Depression เป็นปัญหาสุขภาพจิตที่คุณแม่บางคนอาจต้องเผชิญหลังคลอดบุตร โดยอาจมีอาการซึมเศร้า เสียใจ วิตกกังวล และอ่อนเพลียมากจนไม่สามารถเลี้ยงลูกหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ 

สาเหตุของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัจจัยที่คุณแม่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สภาพแวดล้อม อารมณ์ หรือพันธุกรรม เป็นต้น และยิ่งไปกว่านั้น คุณแม่อาจเสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้หากมีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ เคยมีภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดมาก่อนหน้านี้

สภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ สมาชิกในครอบครัวมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ มีปัญหาที่ส่งผลให้เกิดความเครียดมากในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น ภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งภายในครอบครัว เป็นต้น ครอบครัวมีปัญหาทางการเงิน รวมไปถึงลูกน้อยเองที่มีปัญหาสุขภาพต้องอาศัยการดูแลหรือรับการรักษาอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ และปัจจัยสำคัญคือ ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม

"เป็นเรื่องปกติไหมที่จะเกลียดลูกน้อยของคุณ" เว็บไซต์ เลิปวอตแมตเตอร์ เผยว่า อาลี เธเยอร์ คุณแม่ที่ประสบปัญหาภาวะซึมเศร้าหลังคลอด รุนแรง เธอไม่ชอบลูกของเธอเลย และยังเคยภาวนาต่อพระเจ้าให้พรากลูกของเธอไป แต่ในใจแล้ว เธเยอร์ก็รูสึกกลัวที่จะทำอะไรลูกน้อยลงไป ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ปั่นทอนจิตใจของเธออย่างหนัก เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 เวลา 20.00 น. เธเยอร์เล่าถึงการคลอดลูกของเธอวันนั้นว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ในที่สุดการตั้งครรภ์ 41 สัปดาห์ได้สิ้นสุดลง หลังจากการคลอดกว่า 20 ชั่วโมง เอลล่าก็ลืมตาดูโลก

หลังจากคลอดได้ 3 วันเธเยอร์ได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้ แม้ลูกจะหน้าตาไม่เหมือนเธอ การคลอดก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน การเลี้ยงลูกไม่ได้เป็นไปตามแผน ความรักความรูสึกต่างๆที่มอบให้แก่ลูกน้อยก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอเริ่มไม่มีความสุข เข้าสู่ภาวะปิดกั้นต่างๆ เริ่มหาข้อมูลว่า การร้องไห้ตลอดเวลาหลังคลอดปกติหรือไม่ หรือแม้กระทั่งเกลียดลูกตัวเองเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า

เมื่อได้ลองหาข้อมูล และได้เช็กลิสต์ต่างๆเกี่ยวกับโรคภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เธเยอร์พบว่าเธอตรงตามข้อสังเกตทุกประการ เธอเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆให้แม่ฟัง และตัดสินใจคุยกับสูตินารีแพทย์ในการไปตรวจร่างกายครั้งหน้า เธอไม่สามารถอยู่กับลูกน้อยได้ตามลำพัง และเป็นไปตามคาด เธอสารภาพกับสามีว่าเธอเป็นคนลงมือทำร้ายลูก และพยายามฆ่าตัวตาย เธอได้รับยาต้านอาการซึมเศร้า แต่ยาดังกล่าวช่วยได้บ้างแต่ไม่สามารถรักษาได้ และยังคงรู้สึกเกลียดชังลูกของเธออยู่เหมือนเดิม

เธอไม่สามารถอยู่ในสภาพนี้ได้ แม้จะลองเข้ารักษาอาการสุขภาพจิตต่างๆ การรักษาเหล่านั้นแค่ช่วยผ่อนปรนในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น แต่เธอกลับค้นพบสิ่งที่ทำให้เธอมองเห็นความรักของแม่ที่แท้จริง ซึ่งนั้นมาจากแม่ของเอง ความรักของแม่ที่แท้จริง และเธอรู้ว่านี่คือสิ่งที่ควรจะรู้สึก นี่คือสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการ นี่คือความรักอันท่วมท้นที่ควรได้รับ มันเหมือนกับว่าเธอได้สัมผัสกับการเป็นแม่อีกครั้ง เธอกล่าวว่า "เส้นทางการรักษาของฉันอาจไม่ใช่ของคุณ แต่ฉันรู้ว่าคุณก็หาได้เช่นกัน"

การวินิจฉัยภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

อาการของภาวะซึมเศร้าหลังคลอดในผู้หญิงแต่ละคนค่อนข้างแตกต่างกันไป หากสงสัยว่าตนเองอาจมีภาวะนี้จึงควรไปพบแพทย์ โดยเบื้องต้นแพทย์จะพูดคุยและสอบถามอาการเพื่อระบุว่าเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดที่เกิดขึ้นชั่วคราวหรือเป็นภาวะซึมเศร้าที่รุนแรง นอกจากนั้น แพทย์อาจให้ทำแบบทดสอบภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย หรืออาจเจาะเลือดไปตรวจหากสงสัยว่าอาการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากภาวะอื่น เช่น ไฮโปไทรอยด์ เป็นต้น

การรักษาภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเป็นปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ และไม่ใช่ความรู้สึกอ่อนแอเท่านั้น ดังนั้น ผู้ป่วยควรบอกปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ชิดอย่างตรงไปตรงมาและซื่อตรงกับตัวเอง เพื่อให้แพทย์และคนใกล้ชิดสสามารถร่วมมือกันช่วยให้การรักษาเป็นไปในทางที่ดี โดยในขณะที่ทำการรักษาผู้ป่วยควรดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เช่น ออกกำลังกาย หรือเข้าร่วมกลุ่มให้คำปรึกษา เป็นต้น

โดยการรักษาภาวะซึมเศร้าหลังคลอดจะคล้ายกับการรักษาโรคซึมเศร้า วิธีการรักษาที่แพทย์มักใช้ มีดังนี้

จิตบำบัด เป็นการรักษาด้วยการพูดคุยกับจิตแพทย์ เพื่อระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากภาวะดังกล่าว โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการรับมือกับปัญหาและให้กำลังใจผู้ป่วย ซึ่งในบางกรณีแพทย์อาจให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดมานั่งพูดคุยไปพร้อมกันด้วย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีหรือสบายใจขึ้น

ยาต้านเศร้า เป็นยาที่ใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้า มักใช้ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั่วไป ทว่าในบางกรณีแพทย์อาจให้คุณแม่ใช้ยานี้ในการรักษาด้วย โดยยาอาจปนเปื้อนในน้ำนมได้ แต่ก็มียาบางชนิดที่ส่งผลข้างเคียงกับทารกได้น้อย ดังนั้น เพื่อการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยและแพทย์จะต้องปรึกษากันถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจได้รับจากการรักษาด้วยยาต้านเศร้าแต่ละชนิดด้วย

สำหรับการเลือกวิธีการรักษา แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและพิจารณาว่าการรักษาใดเหมาะสมและปลอดภัยต่อผู้ป่วยมากที่สุด โดยอาจใช้การรักษาด้วยวิธีจิตบำบัดหรือใช้ยาเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ทั้ง 2 วิธีควบคู่กัน ซึ่งหากการรักษาเป็นไปด้วยดี ผู้ป่วยจะดีขึ้นภายในเวลา 6 เดือน แต่ก็อาจใช้เวลานานกว่านั้น และบางรายอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังได้ จึงควรเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์กำหนดแม้จะหายดีแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต

ภาวะแทรกซ้อนของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจได้ในระยะยาว และอาจส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวได้ โดยเฉพาะตัวผู้ป่วยเอง เช่น ทำให้คุณแม่กลายเป็นโรคซึมเศร้า และส่งผลต่อความสามารถในการเลี้ยงดูทารกจนทำให้ทำหน้าที่แม่ได้อย่างไม่เต็มความสามารถ เป็นต้น และแม้จะรับการรักษาแล้วก็ยังมีความเสี่ยงที่คุณแม่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ในภายหลังเช่นกัน

ผลกระทบต่อลูก ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจทำให้ทารกมีปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรม เช่น นอนหลับยาก ไม่ยอมกินนมหรืออาหาร ร้องไห้มากผิดปกติ เป็นโรคสมาธิสั้น หรือมีปัญหาพัฒนาการทางภาษา เป็นต้น

นอกจากนี้ คุณพ่อของเด็กก็อาจได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในครอบครัวไปด้วย ซึ่งทำให้เสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้าสูงขึ้น เพราะจากเดิมคุณพ่อมือใหม่ก็เสี่ยงเกิดภาวะนี้ได้อยู่แล้วแม้ภรรยาจะไม่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดก็ตาม

เช็กอาการของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

  • รู้สึกเศร้า เสียใจ หมดหวัง
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด โกรธง่าย หรืออยู่ไม่สุข
  • วิตกกังวลมากผิดปกติ
  • มีปัญหาในการนอนหลับ เช่น นอนหลับมากผิดปกติ นอนไม่หลับ เป็นต้น
  • ร้องไห้มากกว่าปกติ หรือร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล
  • มีปัญหาเรื่องสมาธิ การจดจำรายละเอียด หรือการตัดสินใจ
  • หมดความสนใจในสิ่งที่ชอบหรืองานอดิเรก
  • รับประทานอาหารน้อยลง หรือรับประทานมากขึ้นอย่างผิดปกติ
  • มีปัญหาสุขภาพโดยไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน เช่น ปวดศีรษะบ่อย ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เป็นต้น
  • เก็บตัว หรือหลีกเลี่ยงการพบเจอเพื่อนและคนในครอบครัว
  • มีปัญหาในการสร้างความผูกพันระหว่างแม่ลูก
  • กังวลไปว่าตนเองไม่มีความสามารถในการดูแลลูกอยู่บ่อย ๆ
  • มีความคิดทำร้ายร่างกายตัวเองหรือลูกน้อย

คุณแม่ที่มีอาการซึมเศร้าหลังคลอดควรไปพบแพทย์หากอาการข้างต้นไม่หายไปภายใน 2 สัปดาห์ มีอาการรุนแรงขึ้น หรืออาการเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อการดูแลลูกน้อยและการใช้ชีวิตประจำวัน และควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุดหากคุณแม่มีความคิดฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเองและเด็ก โดยคนใกล้ชิดควรช่วยดูแลเด็กชั่วคราว เพราะหากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายต่อตัวแม่และเด็กได้

TAGS: #สุขภาพจิต #ซึมเศร้าหลังคลอด #แม่ลูก