IDG พร้อมเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 24 ตุลาคมนี้ ชูหุ้นเทคคอมพานีชั้นแนวหน้าที่โดดเด่นในด้านที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม
นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG เปิดเผยว่าบริษัทพร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี(Technology) ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “IDG” ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านที่ปรึกษา ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) สำหรับองค์กร ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี วันนี้ IDGพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่ง ควบคู่กับการเติบโตไปพร้อมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไทย ซึ่งกำลังเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ทั้งระบบ Cloud, AI, IoT, Cybersecurity และ Sustainability ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital Ecosystem
IDG หนึ่งในผู้นำด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร โดดเด่นด้วยบริการดิจิทัล End-to-End ครอบคลุมตั้งแต่ Digital Consulting, Digital Integration, Digital Platform, Digital Academy และDigital Market ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Microsoft และพันธมิตรระดับโลก ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำกว่า 500 รายครอบคลุมกว่า 1,000 โครงการ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งสถาบันการเงิน เทคโนโลยี โรงพยาบาล อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise & Corporate) คิดเป็นกว่า 84% ของรายได้รวม สะท้อนฐานลูกค้าที่มั่นคงและยังมีแผนขยายตลาดสู่ระดับภูมิภาค (Regional) เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการสู่ระดับสากล พร้อมต่อยอดธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง IDG ยังมี Growth Engine ที่ชัดเจน และจะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมีกลยุทธ์ ผ่านการพัฒนาโซลูชัน Transformation+ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ของตนเองในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Work+, Biz+, และ Life+ เพื่อรองรับการเติบโตในยุค AI และตอบโจทย์องค์กรทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเสริมศักยภาพการวิจัยและพัฒนา(R&D) ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Microsoft, Google, Apple, Meta, AWS และ Huawei รวมทั้งการขยายศูนย์ธุรกิจดิจิทัล (Digital Business Center) เพื่อให้คำปรึกษาและสนับสนุนผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล และมีความพร้อมในการต่อยอดโอกาสจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศไทย สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จึงเตรียมนำไปใช้สำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2571
รายได้เติบโตอย่างน้อย 2 เท่า พร้อมตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลการันตีมากมายกว่า 14 รางวัล และล่าสุดกับการเข้ารับรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติครั้งที่16 ซึ่งเป็นเกียรติกับ IDG เป็นอย่างมาก สะท้อนถึงบทบาทผู้นำด้านที่ปรึกษาดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันและผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและพันธมิตร พร้อมยึดมั่นในการดำเนินงานด้วยธรรมาภิบาล โปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
“วันนี้ อินดิจี พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดทุนไทยเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในก้าวแรกของความสำเร็จไปพร้อมกับเรา”
ด้าน นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัท อินดิจี จำกัด(มหาชน) หรือ IDG เป็นหุ้นเทคโนโลยีน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่มีศักยภาพโดดเด่น ทั้งจากกลยุทธ์ธุรกิจและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจด้านพัฒนาระบบและเว็บไซต์ IDG ได้ต่อยอดสู่การเป็นพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Microsoft และรักษาความร่วมมือมายาวนานกว่า 18 ปี จนขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเองในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Work+, Biz+, และ Life+ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรและชุมชนในยุคดิจิทัลได้อย่างหลากหลาย
ด้วยความเชี่ยวชาญและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สินและดอกเบี้ยจ่าย ส่งผลให้IDG มีสภาพคล่องสูง สามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างมั่นคงท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง พร้อมขยายพันธมิตรทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม และให้ความสำคัญกับบุคลากร ส่งผลให้ IDG คือศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ที่สามารถให้คำปรึกษา พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า IDG จะเป็นหุ้นสายเทค ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนได้ในระยะยาว
ขณะที่ช่วงระยะเวลาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 28 ล้านหุ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมโดยบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 3 บริษัทหลักทรัพย์ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าเป้าหมายของ IDG อยู่ที่ 3.90-4.37 บาทต่อหุ้น พร้อมประเมินแนวโน้มของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี 2568 ยังมีทิศทางและสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว สำหรับการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกย่างก้าวที่สำคัญของ IDG ในการเสริมศักยภาพขององค์กร รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดทุน
ทั้งนี้ IDG มีผลประกอบการปี 2567 มีรายได้รวม127.26 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.22 ล้านบาท ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้ 64.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 55.61 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.59 ล้านบาท