'แพลททินัม ฟรุ๊ต' TOP5 ล้งผลไม้ไทย เสริมแกร่งทุเรียนไทยต้อง 'ไอพีโอ' เปลี่ยนเกมอยู่เหนือ 'เวียดนาม' ตลอดไป

'แพลททินัม ฟรุ๊ต' TOP5 ล้งผลไม้ไทย เสริมแกร่งทุเรียนไทยต้อง 'ไอพีโอ' เปลี่ยนเกมอยู่เหนือ 'เวียดนาม' ตลอดไป
‘ณธกฤษ เอี่ยมสกุล’ ซีอีโอ กลุ่มบริษัทแพลทินัม ฟรุ๊ต กับแผนพาธุรกิจไอพีโอในตลาดฯ ที่เจ้าตัวบอกว่า ‘การระดมทุน’ ไม่ใช่ประเด็นหลักแต่การได้ติดนามสกุล ‘มหาชน’ คือใบเบิกทางเชื่อมั่นในตลาดผลไม้ระดับโลก

‘ทุเรียน’ สมญานาม King Of Fruit ราชาแห่งผลไม้ ด้วยกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าใครได้ลองชิมแล้วไม่’หลงรัก’ก็ ‘เกลียดไปเลย’  ที่ทำให้เจ้าผลไม้เมืองร้อนชนิดนี้ มีเสน่ห์มากล้นจนกลายเป็นที่นิยมของคนรักทุเรียน

โดยเฉพาะตลาดส่งออกจีน ลูกค้ารายใหญ่ของทุเรียนไทย ที่หลายคนห่วงใยว่าตลาดส่งออกสำคัญอย่างจีน กำลังถูกประเทศเพื่อนบ้าน ‘เวียดนาม’ เข้ามาท้าชิงการเป็นเจ้าส่งออกทุเรียนในตลาดนี้แทนที่ไทยหรือไม่?

ด้วยตลอดช่วงที่ผ่านมา ‘ทุเรียนไทย’ เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญ  และยังครองเบอร์หนึ่งผลไม้ส่งออกของไทย มีแหล่งผลิตใหญ่พื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ  ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ระยอง ตราด และ จันทบุรี ด้วยกำลังการผลิตรวมปี 2567 กว่า 823,898 ตัน เพิ่มขึ้น 6.05 %

ทว่าแค่ ‘จันทบุรี’ จังหวัดเดียว มีปริมาณผลผลิตทุเรียนราว 561,905 ตัน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 90,000 ล้านบาท มีตลาดส่งออกสำคัญคือ ‘จีน’ ในปี 2566 จีนนำเข้าทุเรียนจากไทยกว่า 928,900 ตัน หรือกว่า 40% ของปริมาณการนำเข้าผลไม้ทั้งหมด

ต่อเรื่องนี้  'ณธกฤษ เอี่ยมสกุล' ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แพลททินัม กรุ๊ป จำกัด และ กลุ่มบริษัทย่อย ผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้ครบวงจร รายใหญ่ของไทย กล่าวว่าต่อความกังวลข้างต้นหากถามในมุมมองของเขา บอกว่า ‘ทุเรียนเวียดนาม’ ไม่ใช่คู่แข่งของ ‘ทุเรียนไทย’

จากความแตกต่างด้านตำแหน่งทางการตลาดที่ค่อนข้างชัดเจน วัดจากเกณฑ์คุณภาพและรสชาติ ของทุเรียนไทยที่มีคามอร่อยจากเนื้อสัมผัส รสชาติ ที่พัฒนาออกมาหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะ ‘หมอนทอง’ ของไทยที่ครองใจตลาดชาวจีนมาช้านาน

ขณะที่ ทุเรียนเวียดนาม จากข้อมูลข่าวสารที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมาแม้จะบอกว่าเวียดนามเร่งส่งออกไปตลาดจีนจำนวนมาก แต่ก็เป็นกลุ่มสินค้าระดับแมส ซึ่งก็เป็นคนละตลาดกับ ‘ทุเรียนไทย’ ของบริษัท ที่วางตำแหน่งเป็นสินค้าระดับพรีเมียม เน้นตลาดบนและตลาดกลาง ด้วยราคาขายปลายทางต่างกันราว 15%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสวนทุเรียนครอบคลุมในจังหวัดตราด จันทบุรี และ ระยอง ที่ที่รับซื้อประจำราว 200-300 สวน พร้อมให้ความสำคัญด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ผลผลิตตามมาตรฐานส่งออกกับสวนทุเรียนโดยตรง เพื่อให้ได้คุณภาพระดับเกรด Aและ B กว่า 80%

ถือเป็นจุดเด่นของทุเรียนไทย ที่มีความแตกต่างไปจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน

ส่งออกผลไม้ไทยกว่า 5,000 ล้านบาท

 ณธกฤษ ย้อนกลับไปถึงงจุดเริ่มต้นธุรกิจบริษัทฯ ตั้งขึ้นในปี 2553 หรือราว 14 ปีก่อน ด้วยการส่งออกทุเรียน และ มังคุด ผ่านทางอากาศไปยังไต้หวันภายใต้แบรนด์ ‘888’ ในปี 2536 จากนั้นได้ขยายธุรกิจและการตลาดจนเป็นบริษัทแพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด พร้อมบริษัทในเครือ ที่สร้างรายได้รวมกว่า 5,200 ล้านบาท ได้ภายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน ‘แพลททินัม ฟรุ๊ต’ เป็นบริษัท หนึ่งในห้าของประเทศไทยที่ส่งออกผลไม้สดและสินค้าเกษตรคุณภาพสูง อาทิ ทุเรียน ลำไย มังคุด มะพร้าว

โดยมีตลาดทั้งในเอเชีย ยุโรป อาทิ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ เป็นต้น ด้วยปริมาณส่งออกเฉลี่ยมากกว่า 18,000 ตันต่อปี และดำเนินธุรกิจการส่งออกแบบครบวงจร ภายใต้ 4 บริษัทลูก ประกอบด้วยด้วย

  • บริษัท ตองแปด ผักผลไม้ จำกัด (888 Fruits & Vegetables) ทำธุรกิจส่งออกผักและผลไม้ โดยมีตลาดหลัก คือ จีน ไต้หวัน และยุโรป
  • บริษัท ตองแปด โลจิสติกส์ จำกัด (888 Logistics) บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศ และ ระหว่างประเทศ พร้อมลานโหลดสินค้า ด้วยระบบ ISO9001:2015 และระบบ Cold chain logistics  
  • บริษัท สกาย ชอร์ เทรดดิ้ง จำกัด (Sky Shore Trading) บริการ shipping ระหว่างประเทศ จัดทำเอกสารและพิธีศุลการศุลกากร โดยมีใบรับรองจากศุลกากรโลก
  • บริษัท สกาย ชอร์ ดีโปท์ จำกัด (Sky Shore Depot) บริการลานรับฝากตู้คอนเทนเนอร์ ให้ธุรกิจการเดินเรือขนส่งสินค้าชั้นนำระดับโลก   

 ณธกฤษ เสริมว่า จากความครบวงจรของกลุ่มบริษัทฯ ที่มีความพร้อมดำเนินการในทุกด้าน รวมถึงมาตรฐานการผลิตระดับโลก และสามารถตรวจสอบไปกลับต้นทางได้ เป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจผ่านพ้นวิกฤตการส่งออกในช่วงโควิด จากข้อจำกัดเรื่องวงจรสินค้า (Life Cycle) ได้ ด้วยการแก้ไขแต่ละจุดของระบบซัพพลายเชน จนเป็นผู้ส่งออกไทยเพียงไม่กี่ราย ที่สามารถส่งออกผลไม้สด ได้ตามเวลา

โดยเฉพาะทุเรียน ในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่าจนกลายเป็นโมเดลธุรกิจที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จนสร้างรายได้ในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 3,300 ล้านบาท จาก 2,500 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทฯ ทำตลาด 4 กลุ่มผลไม้ ในตลาดต่างประเทศสำคัญ ดังนี้

  1. ทุเรียน ตลาดประเทศ จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ และ อังกฤษ
  2. ลำไย ตลาดประเทศ จีน อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และ อินเดีย
  3. มังคุด ตลาดประเทศ จีน นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย
  4. มะพร้าว ตลาดประเทศ จีน

เสริมแกร่ง ‘ทุเรียนไทย’ ต้องไอพีโอ

ณธกฤษ เสริมว่าจากความครบวงจรของกลุ่มบริษัทฯ ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจมีอัตราการเติบโตมาโดยตลอด บวกกับความพร้อมเข้าไปแก้ไขในทันทีหากเจอข้อผิดพลาดและอุปสรรคการทำตลาด

โดยแผนจากนี้ไป บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ซึ่งขณะนี้ได้ ยูโอบี เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เรียบร้อยแล้ว และพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตหากมีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว โดยมีแผนเตรียมยื่นไฟลิ่งในเดือนกันยายน ปี2567 นี้

“เหตุผลสำคัญการไอพีโอธุรกิจ คือ สร้างความเชื่อมั่นคู่ค้าในการขยายตลาดใหม่ๆ รวมถึงการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ จากการที่บริษัทเป็นกิจการอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนการระดมทุนเป็นประเด็นรองลงมา ด้วยปัจจุบันบริษัท มีความแข็งแกร่งด้านการเงินพอสมควร  และยังมีกำไรมาจากทุกหน่วยธุรกิจในเครือ” ณธกฤษ ย้ำ

TAGS: #ธนกฤษเอี่ยมสกุล #ทุเรียน #แพลททินัมกรุ๊ป #ล้งทุเรียน