ส.อ.ท.มองอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มมีสัญญาณบวก หลังยอดผลิตรถยนต์เดือนก.ย.โต 14% รับผลพวงจากรถ EV เร่งผลิตตามเงื่อนไขบีโอไอ ขณะที่ตลาด EV ตอบโจทย์ผู้ใช้ราคาจับต้องได้
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึง สถานการณ์ยานยนต์ของไทยเดือนก.ย. ว่า การผลิตจำนวนรถยนต์ทั้งหมดมีจำนวน 28,104 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.01 จากเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 4.77 มีปัจจัยจากการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้า(EV)ชดเชยการนำรถ EVเข้ามาจำหน่ายในประเทศปี 2565 - 2566
ขณะที่มีการผลิตรถกระบะดัดแปลง PPV เพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์รุ่นนี้เติบโตร้อยละ 29.95 ส่งผลให้ 9 เดือนมียอดผลิตรถยนต์ 1,075,801 คัน ลดลงร้อยละ 4.63 เทียบกับปีก่อน แต่เชื่อว่าภาพรวมทั้งปียังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.45 ล้านคัน
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกันยายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,350 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2568 ร้อยละ 1.53 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 23.82 โดยเฉพาะยอดขายรถ EV ที่ยังเติบโตดีเพราะหลายรุ่นมีราคาที่ถูกลงฌเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จนสามารถซื้อได้มากขึ้น
รวมทั้งเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าน่าสนใจมากขึ้น แต่ในส่วนของรถกระบะยังยอดขายยังลดลงร้อยละ 4.00 จากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหลักฐานการเงินอ่อนแอจากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายเติบโตในอัตราต่ำ ค่าครองชีพสูง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงติดลบ แรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีรายได้ลดลงจึงขาดกำลังซื้อ ผู้ขายสินค้าอื่น ๆ และอาหารรวมทั้งการท่องเที่ยวมีรายได้ลดลง
ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือน(มกราคม - กันยายน )รถยนต์มียอดขาย 477,969 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 2.12 แยกเป็น รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 288,391 คันเท่ากับร้อยละ 64.44 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 9.87 โดยรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 97,287 คัน เท่ากับร้อยละ 21.72 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 17.47
ขณะที่รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 81,351 คัน เท่ากับร้อยละ 18.16 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 55.79 รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 6,803 คัน เท่ากับร้อยละ 1.52 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 311.55 และรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 102,370 คัน เท่ากับร้อยละ 22.85 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 12.82
สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนกันยายน 2568 ส่งออกได้ 86,056 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 20.90 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 7.23 เพิ่มขึ้นจากการส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น รวมทั้งรถกระบะดัดแปลง PPV ที่มีบางบริษัทออกรุ่นใหม่และส่งออกเป็นครั้งแรก รถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าส่งออกเพิ่มขึ้น แต่รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในส่งออกลดลงร้อยละ 16.97 ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้
ทั้งนี้ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนกันยายน 2568 แบ่งเป็น ดังนี้รถกระบะ 49,082 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.03 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.29 รถกระบะ BEV 41 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.05 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก รถยนต์นั่ง ICE 16,597 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 19.29 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 16.97รถยนต์นั่ง HEV 4,585 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.33 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 62.70 และรถ PPV 14,354 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 16.68 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 32.51
อย่างไรก็ตามภาพรวม 9 เดือน ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 689,031 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 10.39 แบ่งเป็น รถกระบะ 427,571 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 62.05 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.97 โดยรถยนต์นั่ง ICE 118,157 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 17.15 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 37.52 ส่วนรถ PPV 100,940 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.65 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 0.63
ด้านยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกันยายน 2568 มีรถจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,906 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 80.23 ส่วนประเภท HEV เดือนกันยายน 2568 เดือนกันยายน 2568 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,629 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 23.67 ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,355 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้วร้อยละ 84.60
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์เดือนก.ย. เริ่มดีขึ้นทั้ง ยอดการผลิต ที่คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายทั้งปีที่ 1.45 ล้านคัน ส่วนยอดขายน่าจะทำได้ที่ 6 แสนคัน ส่วนหนึ่งได้รถ EV มาช่วย เพราะมีราคาที่ถูกกว่ารถใช้น้ำมัน ด้านรถกระบะยอดขายยังติดลบ ซึ่งต้องติดตามมาตรกาคนละครึ่งจะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นแค่ไหน แต่ถ้ามองเรื่องการส่งออกไทยสามารถเป็นฐานการส่งออกทั้งรถEV และรถใช้น้ำมันควบคู่กันไปได้ ซึ่งปีนี้ตั้งการส่งออกไว้ที่ 9.5 แสนคัน