ครม.เห็นชอบแต่งตั้ง นายนรินทร์ เผ่าวณิช เป็นผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่อย่างเป็นทางการ เดินหน้าสานต่อภารกิจรักษาความมั่นคงไฟฟ้า ควบคู่การส่งเสริมพลังงานสะอาด รับไม้ต่อผลักดัน SMR
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายนรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. แทนนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
ทั้งนี้นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 เกิดเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2517 ปัจจุบันอายุ 51 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทและปริญญาเอก จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา Georgia Institute of Technology สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังผ่านการอบรมในหลักสูตรสำคัญ อาทิ หลักสูตร Director Certification Program (DCP) สมาคมส่งเสริม สถาบันกรรมการบริษัทไทย หลักสูตร EES Europe Batteries and Energy Storage Systems Exhibition & Conference สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เป็นต้น
ด้านประวัติการทำงาน ปี 2564 - 2565 ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้า ปี 2565 - 2567 ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง ปี 2567 - 2568 ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการเชื้อเพลิง 31 กรกฎาคม 2568 - 15 ตุลาคม 2568 ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการเชื้อเพลิง รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. และ 16 ตุลาคม 2568 - ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ.
สำหรับภารกิจสำคัญของผู้ว่าการกฟผ.คนใหม่ยังต้องสานต่อนโยบายการรักษาความมั่นคงด้านไฟฟ้าให้กับประเทศ ในยุคเปลี่ยนผ่านพลังงาน สอดคล้องกับแนวโน้มการนำพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดมาใช้มากขึ้นควบคู่กับเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะการผลักดันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ Small Modular Reactor (SMR) ซึ่งถูกบรรจุในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP)
ขณะเดียวกันยังเป็นหน่วยงานที่ช่วยดูแลต้นทุนค่าไฟฟ้าอย่างเป็นธรรม บริหารจัดการเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งที่ผ่านมากฟผ.ได้เข้าไปช่วยดูแลค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที)ทำให้มีภาระหนี้สะสมสูงสุดระดับ 1 แสนล้านบาท และปัจจุบันได้รับการทยอยชำระคืนมาเหลืออยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท