‘มัลตี้ บิวตี้’ มองปัจจัย ‘สื่อสังคมออนไลน์-อินฟูลฯรีวิวสินค้า’ กระตุ้นกำลังซื้อวัยใสรุ่นใหม่เข้าสู่วงการแต่งหน้า-เครื่องสำอางเร็วขึ้น เร่งขยายสาขาใหม่เพิ่ม สู่เป้าหมายอดขายโตสองเท่าต่อเนื่องทุกปี
ไพลิน อี๊งพลาชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทมัลตี้ บิวตี้ จำกัดผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกพิเศษ (specialty store) เครื่องสำอางเกาหลีภายใต้ชื่อ ‘มัลตี้ บิวตี้ (Multy Beauty) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทย เริ่มขยายวงกว้างออกไปในกลุ่มเป้าหมายเจนเนอเรชันอัลฟ้า หรือกลุ่มเด็dที่มีอายุน้อยลง หันมาสนใจการเพิ่มสีสันบนใบหน้ามากขึ้น จากปัจจัยการเข้าถึงในสื่อสังคมออนไลน์ และ อินฟูลเอ็นเซอร์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ต่างๆ ได้มีการทดลองใช้แนะนำ (review)สินค้าเครื่องสำอาง ประเภทต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์จำนวนมาก เป็นต้น
“จากข้อมูลพบว่าเด็กรุ่นใหม่อายุราว 10 ปีได้เริ่มหันมาดูแลเพิ่มสีสันบนใบหน้า ด้วยการใช้สินค้าความงามบ้างแล้ว อย่างลิปกลอส ครีมกันแดด ฯลฯ” ไพลิน กล่าว
ไพลิน เสริมว่าสำหรับแนวโน้ม (trend) ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางในไทยปีนี้ จะลับมาคึกคัก โดยสินค้ากลุ่มสีสัน (Color Make Up) จะกลับมา หรือเทรนด์แต่งหน้ายุค90 ที่กลับมาเป็นที่นิยม และมีส่วนแบ่งยอดจำหน่ายเป็นอันดับ1 หลังผ่านพ้นช่วงโควิด-19 มาแล้ว
รองลงมาจะเป็นกลุ่มสินค้าดูแลผิว (skincare) เป็นผลิตภัณฑ์เน้นงานผิวธรรมชาติ รวมถึงศาสตร์แห่งสี (personal color) การเลือกสีลิปสติกตามสีเลือด เป็นเทรนด์ที่นิยมมากในปัจจุบัน รวมถึงแบรนด์สินค้าเครื่องสำอางต่าง ๆ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นตามความต้องการและกำลังซื้อมากขึ้น
จากแนวโน้มดังกล่าว ยังสอดคล้องกับตำแหน่งทางการตลาดร้านเครื่องสำอาง ‘มัลตี บิวตี้’ ในปัจจุบัน รองรับกลุ่มเป้าหมายหลัก คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเครื่องสำอางเกาหลี อายุระหว่าง 18-24 ปี และในกลุ่มเป้าหมายรองวัยเริ่มต้นทำงาน
ปัจจุบัน มัลตี้ บิวตี้ มีสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (skincare) มากกว่า 400 แบรนด์ และมีแบรนด์ที่วางจำหน่ายเฉพาะ (exclusive brand) สัดส่วนราว 10% รวมไอเทมสินค้าไม่ต่ำกว่า 10,000 รายการ (SKU) พร้อมวางกลยุทธ์ราคาจำหน่ายสินค้าในระดับ 200-400 บาทต่อชิ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันร้านมัลตี้ บิวตี้ มีการซื้อสินค้าเฉลี่ยสูงขึ้นราว 600-800 บาทต่อใบเสร็จ
“จุดเด่นของร้านฯ คือ สินค้าเครื่องสำอาง สกินแคร์เกาหลี ที่จำหน่ายในราคาใกล้เคียงกับในประเทศเกาหลี มีช่องว่างราคาต่างไม่เกิน5 % ซึ่งเป็นการจัดหาสินค้าที่มาจากพาร์ทเนอร์เวนเดอร์ของบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าสินค้าปลีกเกาหลีรายใหญ่ ปัจจุบันมัลตี้ บิวตี้มีสัดส่วนสินค้ากลุ่มเมคอัพ 50% กลุ่มสกินแคร์ 40% และที่เหลือ 10% เป็นกลุ่มอื่น ๆ อาทิ ของใช้ส่วนตัว น้ำหอม ฯลฯ" ไพลิน กล่าว
สำหรับช่องทางจำหน่ายมีทั้งรูปแบบออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ และออฟไลน์ ร้านสาขาที่เปิดให้บริการ 7 แห่งในปัจจุบัน ได้แก่ สยามสแควร์ ซอย5 ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เมกาบางนา, แฟชั่นไอส์แลนด์, ยูเนี่ยนมอลล์, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, มัลตี้ และเดอะมอลล์ บางแค โดยในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนขยายสาขาใหม่อีก 3 แห่งในทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดภายในสิ้นปี 2567 จะมีสาขาครบทั้งสิ้น 10 แห่ง
โดยในส่วนของกลยุทธ์การตลาดร้านมัลตี้ บิวตี้ ในปีนี้ จะเน้นสื่อสารกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะการทำเรียลคอนเทนต์ (real content) เรียล รีวิว (real review) ที่เป็นจดเด่นของร้านฯ รวมถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในเทศกาลต่างๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับกลุ่มลูกค้า ที่มาเลือกซื้อไอเทมความงามต่าง ๆ ที่ร้าน โดยเฉพาะกลุ่มเค-บิวตี้ (K-Beauty)
นอกจากนี้ มัลตี้ บิวตี้ ยังได้จัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 7 ปี พร้อมนำคู่จิ้น ‘พูห์’ กฤติน กิจจารุวรรณกุล และ ‘พาเวล’ นเรศ พร้อมเผ่าพันธุ์ ร่วมกิจกรรมสร้างความประทับใจให้กลุ่มแฟนคลับสายวาย ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมจัดโปรโมชั่นลดกว่า 90% เริ่มต้นราคา 7 บาท ในทุกสาขาร้านมัลตี้ บิวตี้ ด้วย
สำหรับปีนี้ บริษัทคาดการเติบโตธุรกิจในอัตรา 2 เท่าตัวจากในปี 2566 มีรายได้กว่า 300ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายการขยายตัวต่อเนื่อง 2 เท่าในทุกปีนับจากนี้เช่นกัน