หลี่เค่อเฉียงเสียชีวิต อดีตนายกฯ ยุคแรกของสีจิ้นผิง จากไปแบบกระทันหันแบบช็อคโลก
อดีตนายกรัฐมนตรีจีน หลี่เค่อเฉียง ของจีนเสียชีวิตแล้วในวัย 68 ปี โดยสื่อของรัฐบางจีนกล่าวว่า หลี่เค่อเฉียง ประสบภาวะหัวใจวายกะทันหันเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่กำลังอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ในช่วงวันหยุด และเขาถึงแก่กรรมเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566
หลี่เค่อเฉียง เกิดที่เมืองเหอเฟย มณฑลอานฮุย ในปี 2498 โดยเริ่มต้นจากตำแหน่งทางการเมืองของจีน ผ่านการมีส่วนร่วมในสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน (CYLC) โดยดำรงตำแหน่งเลขานุการคนที่หนึ่งตั้งแต่ปี 2536 ถึง 2541
ตั้งแต่ปี 2541 ถึง 2547 หลี่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการมณฑลเหอหนานและเลขาธิการพรรคประจำมณฑล
ตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2550 เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคของมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงของมณฑล
ตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2556 หลี่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่ง ในสมัยของนายกรัฐมนตรี เวินเจียเป่า ซึ่งดูแลผลงานในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ การควบคุมราคา การเงิน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการเศรษฐกิจมหภาค
ในตอนแรก หลี่ถูกมองว่าเป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุด (หรือประธานาธิบดี) แต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนใน ปี 2556 โดยเป็นรองจากประธานาธิบดี สีจิ้นผิงและเขามีส่วนในการผลักดันให้รัฐบาลจีนเปลี่ยนเป้าหมายความสำคัญทางเศรษฐกิจจากเดิมที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก ไปสู่การมุ่งเน้นการบริโภคภายในมากขึ้น
ในระหว่างดำรงตำแหน่ง หลี่เป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีแห่งรัฐ และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญเบื้องหลังกิจการทางการเงินและเศรษฐกิจ การต่างประเทศ ความมั่นคงแห่งชาติ และการปฏิรูปเชิงลึกของจีน
ในด้านการบริหารประเทศ หลี่เชื่อมั่นในการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยในการตัดสินใจของรัฐบาล เมื่อหลี่เข้ารับตำแหน่งครั้งแรก จีนกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างมากมายที่สืบทอดมาจากการบริหารชุดก่อน กล่าวคือ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก ซึ่งโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการของประเทศได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกเต็มไปด้วยหนี้ก้อนโตและรายได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ และช่องว่างความมั่งคั่งที่เพิ่มมากขึ้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กล่าวกันว่าหลี่จึงเสนอสิ่งที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับโลกเรียกว่า "หลี่โคโนมิกส์" (Likonomics) หรือระบบเศรษฐกิจแบบหลี่ อันประกอบด้วยแนวทางสามประการ ซึ่งรวมถึงการลดหนี้ทั่วทุกด้าน การยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลที่แล้ว และการปฏิรูปโครงสร้าง
จนถึงปี 2557 แรงกดดันทางเศรษฐกิจโลกและความต้องการสินค้าส่งออกของจีนที่ลดลง ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดไว้ การเติบโตของ GDP เมื่อเทียบเป็นรายปีอยู่ที่น้อยกว่า 7.5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 2532 จากนั้นรัฐบาลของหลี่ก็ได้แก้ปัญหาด้วยการลดภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โครงการปรับปรุงพื้นที่เขตเมืองที่ยากจน และการก่อสร้างรางรถไฟอีกรอบหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เน้นไปที่การพัฒนาและเศรษฐกิจภายในประเทศ
นอกจากนี้ หลี่และคณะรัฐมนตรีของเขายังได้ริเริ่มแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ในเดือนพฤษภาคม 2558
โดยทั่วไปแล้ว หลี่ได้รับการยกย่องว่าสนับสนุนการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเปิดเสรี ถือกันว่าเป็นตัวแทนของผู้นำของจีนที่เน้นการปฏิบัติและงานปฏิบัติการด้านเทคโนแครตมากกว่า
เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนกระทั่ง หลี่เฉียง ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนมีนาคม 2566
Photo by Noel CELIS / AFP